โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่309 อดใจความอยากที่จะบีบคอเธอ

บทที่309 อดใจความอยากที่จะบีบคอเธอ

ความเย็นชาของฉูเจ๋อหยางไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด ราวกับว่าลูกเตะนี้เป็นเรื่องธรรมดาอย่างนั้น แต่ นี่มันยังไม่จบ เขาเหลือบไปมองที่มือขวาเป้ยฉ่ายเวย จากนั้นจึงหันกลับไปมองที่มือขวาของว่านต้าเผิง

เหมือนน้ำแข็งสองก้อนกระแทกลงตรงข้อมือว่านต้าเผิง เขาเหมือนจะรู้สึกอะไรบางอย่าง เขาเงยหน้าขึ้นในทันใด หลังจากนั้นก็ส่ายหัวพร้อมกับจ้องด้วยความหวาดกลัว “ไม่ ไม่ ฉูเจ๋อหยาง ไม่ได้นะ อ้า----”

เสียงร้องไห้โหยหวนดังขึ้นอีกครั้ง ฟังแล้วเสียงว่านต้าเผิงเหมือนหมูกำลังจะถูกเชือด ลูกน้องทั้งสองคนพากันตัวสั่น ไม่กล้ามอง พวกเขายังรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของเท้านั้นว่ารุนแรงแค่ไหน

ขนาดสภาพร่างกายของพวกเขายังไม่สามารถทนต่อแรงหมัดไม่กี่หมัดของชายคนนั้นได้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่อย่างสุขสบายอย่างว่านต้าเผิง นั่นต้องเข้าเนื้อจริงๆ เจ็บเข้ากระดูกดำ

ว่านต้าเผิงเจ็บจนหมดเรี่ยวหมดแรง เขาได้แต่ส่งสายตาวิงวอนต่อฉูเจ๋อหยาง ขอร้องให้ฉูเจ๋อหยางปล่อยเขาไป

เขาผิดไปแล้ว เขาผิดไปแล้วจริงๆ ไม่ควรหลงเชื่อคนคนนั้นเลย ฉูเจ๋อหยางจริงๆแล้วไม่เคยไม่สนใจเป้ยฉ่ายเวย แต่กลับสนใจจนไม่รู้จะยังไง เขาเองเป็นเพียงเหยื่อของใครบางคน ถูกหลอกใช้มาเพื่อดูการตอบสนองของฉูเจ๋อหยาง

ดวงตาเย็นเฉียบของฉูเจ๋อหยางยังคงไม่รู้สึกรู้สาอะไร บนใบหน้าไม่มีการแสดงออกใดทั้งสิ้น ในสายตาเขาว่านต้าเผิงเป็นเพียงมดตัวเล็กๆที่ไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไร

“พูดมา ใครเป็นบอกคุณเรื่องหมายกำหนดการของเธอ”

ว่านต้าเผิงไม่รู้ว่าเรื่องวันนั้นเขาเป็นคนทำ เว้นเสียแต่ว่ามีคนเห็นแล้วไปบอกว่านต้าเผิง เขาถึงจะรู้

เจ้าคนคนนี้อดทนมาก เรื่องผ่านมานานขนาดนี้ถึงจะบอกว่านต้าเผิง พุ่งเป้าไปที่เป้ยฉ่ายเวยคนเดียว เพื่อใช้โอกาสนี้ในการทดสอบเขา

ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร เขาไม่ควรที่จะแตะต้องเป้ยฉ่ายเวย

“ผม ผมก็ไม่รู้ ผม ผมแค่ได้รับจดหมายนิรนาม ไม่ได้ลงชื่อ หาไม่พบว่าเป็นใคร” ว่านต้าเผิงกลัวแล้ว เขารีบอธิบายทุกสิ่งที่เขารู้จนหมดสิ้น

ตอนนี้เขาสูญเสียทั้งภรรยาและลูกน้อง เขาแค่หวังว่าฉูเจ๋อหยางจะปล่อยเขาไป

รอให้เขารักษาตัวให้หายดีก่อน จะต้องกลับไปพังออฟฟิตฉูเจ๋อหยางแน่ ให้เขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดของวันนี้บ้าง

ฉูเจ๋อหยางฉลาดขนาดนี้ ทำไมเขาจะไม่รู้ความคิดของคนอย่างว่านต้าเผิง เขาไม่มีทางปล่อยให้ว่านต้าเผิงมีโอกาสได้เอาคืน ไม่ว่าว่านต้าเผิงวันนี้จะกลับออกไปอย่างไร วันหลังจากนี้ เขาจะไม่มีโอกาสสร้างความบันเทิงอีกต่อไป

คำตอบของว่านต้าเผิงเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ เขาถามเช่นนี้ เพียงเพราะอยากรู้ว่าใครกันที่ลำบากลำบนส่งจดหมายให้ว่านต้าเผิง

อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าบุคคลนั้นมีไหวพริบ

ฉูเจ๋อหยางยกเท้าขึ้นเหยียบบริเวณข้อมือที่ว่านต้าเผิงได้รับบาดเจ็บ เหมือนกับที่ว่านต้าเผิงทำกับเป้ยฉ่ายเวย ออกแรงบดขยี้ แรงที่ใช้นั้นทวีกว่าแรงที่ว่านต้าเผิงใช้หลายเท่า “นี่คือสิ่งที่คุณสมควรได้รับ”

“โอ้ย---เจ็บ--ขอร้องล่ะ ปล่อยผมเถอะ ผมผิดไปแล้ว ฮือฮือฮือ…” ว่านต้าเผิงร้องเสียงหลง ที่สุดแล้วชายร่างสูงร้อยแปดสิบเซนก็นอนซมร้องไห้อยู่บนพื้น น้ำมูกน้ำตาไหลลงบนพื้น

เป้ยฉ่ายเวยที่อยู่ข้างๆเห็นกระบวนการทั้งหมดของฉูเจ๋อหยาง เธอจึงได้เห็นว่าขั้นตอนเหล่านั้นเป็นไปตามที่ว่านต้าเผิงทำกับตนเอง สำหรับว่านต้าเผิงใจเธอหนักอึ้งไม่รู้ว่ารู้สึกเช่นใด

เธอเห็นว่าว่านต้าเผิงเจ็บจนตาเหลือก และก็ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งคู่พูดอะไรกัน แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่ในจุดที่ไม่สามารถจะแก้ไขได้แล้ว แต่เธอก็ไม่ต้องการเป็นหนี้ฉูเจ๋อหยาง และยิ่งไม่อยากทำให้ฉูเจ๋อหยางต้องมีปัญหาเพราะเธอ

“ฉูเจ๋อหยาง พอได้แล้ว”

ฉูเจ๋อหยางได้ยินเสียงอันแผ่วเบา ดวงตาเขาหุบตา เหลือบมองว่านต้าเผิงที่นอนกองอยู่บนพื้นอ่อนระโหยโรยแรง เขาหยุดครู่หนึ่ง และดึงเท้ากลับมา

เขาหันหน้าพร้อมเดินไปทางเป้ยฉ่ายเวย ได้ระบายออกไปแล้ว แต่ใจเขาก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย กลับโกรธยิ่งกว่าเดิม

ความโกรธที่ไม่ชัดเจน ไม่รู้ว่าโกรธเป้ยฉ่ายเวย หรือว่าโกรธตัวเอง ดูเหมือนว่าจะทั้งคู่ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ทั้งคู่

เป้ยฉ่ายเวยเห็นฉูเจ๋อหยางเดินเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด เธออดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เขาคิดจะทำอะไร ทำอย่างกับจะกินคน

“อุ๊...ย๊า!” เธอยังไม่ทันได้อ้าปาก ร่างเธอก็ลอยสูงขึ้น เธอใช้มือเดียวโอบรอบคอชายคนนั้นด้วยสัญชาตญาณ กลัวว่าตัวเองจะตกลงมา

เธอถามขณะที่ทั้งโกรธทั้งตกใจ “ฉูเจ๋อหยางคุณทำอะไร ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้”

“ถ้าพูดมากอีก ผมจะโยนคุณลงกับพื้น” เสียงเยือกเย็นของฉูเจ๋อหยางเหมือนกับถูกบีบลอดออกมาจากฟัน ผู้หญิงบ้าอะไร เจ็บขนาดนี้แล้วยังจะดื้ออยู่อีก

เป้ยฉ่ายเวยเชื่อว่าฉูเจ๋อหยางพูดจริงทำจริง เธอไม่อยากจะมือพิการแล้วร่างท่อนล่างก็ยังใช้การไม่ได้อีก เธอได้เห็นฉูเจ๋อหยางใช้กำลังแล้ว ไม่กล้าเสี่ยงหรอก

เธอกระซิบวิงวอน “คุณวางฉันลงเถอะ”

“หุบปาก” ฉูเจ๋อหยางไม่สนใจเป้ยฉ่ายเวย เขาอุ้มตัวคนไว้แล้วออกไปทางประตูหลัง

“ฉูเจ๋อหยาง ฉันทำเองได้” เป้ยฉ่ายเวยนั่งอยู่ในรถคันหรูของฉูเจ๋อหยางอย่างกระวนกระวายใจ ทำไมเขาไม่วางเธอไว้บนเก้าอี้ อยู่บนรถแล้วยังจะอุ้มเธอไว้ข้างๆอีก อึดอัดเป็นบ้า

ก็เห็นๆอยู่ว่าทั้งสองทะเลาะกัน เธอยังจำได้ว่าฉูเจ๋อหยางโยนเธอทิ้งบนสะพานต่างระดับแล้วก็ขับไป

พอนึกถึงเรื่องนี้แล้วใจเป้ยฉ่ายเวยก็เจ็บแปลบขึ้นมา

“ทนายฉู เราจะไปไหนกัน” คนขับรถที่ด้านหน้า เสี่ยวหยาถามขึ้น

นัยน์ตาลุ่มลึกของฉูเจ๋อหยางจ้องไปข้างหน้า เสียงเขาพูดเนิบๆ “ไปโรงพยาบาล”

“ครับ” เสี่ยวหยาตอบรับด้วยความเคารพ จากนั้นก็สตาร์ทรถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลในรถนอกจากลมหายใจตื้นๆของฉูเจ๋อหยางแล้ว ยังมีเสียงหัวใจเต้นอย่างกับจะพุ่งออกจากหน้าอกของเป้ยฉ่ายเวย เงียบจนทำให้คนว้าวุ่น เหมือนกับเป้ยฉ่ายเวยในตอนนี้ เธอไม่เข้าใจว่าฉูเจ๋อหยางต้องการอะไรแต่ว่าเธอไม่อยากจะคับข้องใจอีกต่อไป จึงต้องลองถามดู “ฉูเจ๋อหยาง ฉันขอบคุณที่คุณมาได้ คุณไม่ต้องห่วงว่าฉันจะไม่คืนเงิน ฉันติดคุณอยู่ห้าล้าน ฉันจะค่อยๆหาทางผ่อนคืนคุณ เดือนหนึ่งฉันคืนคุณได้มากสุดสามพัน”มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ยังมีค่ายาของรุ่ยรุ่ยอีก ไหนจะต้องไปตรวจตามนัดอีก ค่าหมอจะให้จื่อเชียนมาจ่ายแทนไม่ได้เป้ยฉ่ายเวยนั่งตัวตรง หน้าผากชนกับหลังคาโดยไม่ตั้งใจ ทำเอาเสียงดัง “ปึง” เจ็บจนเธอลูบหัว แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ ยังคงถามอย่างวุ่นวายใจ “โทรศัพท์มือถือฉันล่ะ”ซวยแล้ว เธอลืมไปว่าจื่อเชียนยังอยู่ในงานเลี้ยง รอให้เธอกลับไป ตอนนี้เธอออกมากับฉูเจ๋อหยาง ถ้าหากว่าจื่อเชียนรู้เข้าจะเสียใจแค่ไหนเสี่ยวหยางบังเอิญเห็นฉากนี้จากกระจกมองหลัง เขาเกือบจะหัวเราะออกมา แต่เมื่อนึกถึงคนขับรถคนก่อนที่ถูกไล่ออกเพราะทำอะไรไม่รู้จักสถานะของตัวเอง เขาจึงไม่กล้ามองอีก เขาจึงขับรถงกๆไปอย่างเดียวเมื่อฉูเจ๋อหยางได้ยินว่าเป้ยฉ่ายเวยจะคืนเงินเขาก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เอื้อมมือออกไปบีบคอเธอให้ตายซะ ทำเขาโกรธแทบตาย ไม่คาดคิดว่ายังจะซุ่มซ่ามโขกหัวตัวเองอีก ยังจะเอามือถืออีก“ตอนผมอุ้มคุณ คุณเห็นว่ามือผมถือโทรศัพท์อยู่หรือไง”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์