โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่310 ถามหาคน

บทที่310 ถามหาคน

“แย่แล้ว คุณเอาโทรศัพท์มาให้ฉันยืมหน่อย ฉันจะโทรหาซือซือ” ความจริงเป้ยฉ่ายเวยอยากพูดว่าโทรหาหลี่จื่อเชียน แต่เมื่อคิดว่าฉูเจ๋อหยางเอาแต่ใจอยู่เสมอ เธอเลยต้องรีบเปลี่ยนคำ

เป้ยฉ่ายเวยหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ทำไมฉูเจ๋อหยางจะไม่ทันสังเกตเห็น “ไม่มีโทรศัพท์”

“ฉันจะลงจากรถ” เป้ยฉ่ายเวยปวดข้อมือ ไม่กล้าเคลื่อนไหวมาก แต่ใจก็ร้อนรน รุ่ยรุ่ยยังรอเธออยู่ที่บ้านนะ

ฉูเจ๋อหยางเสียงเยือกเย็น “เป้ยฉ่ายเวย หุบปาก”

เพ้อเจ้อแต่เรื่องของคนอื่น ไม่เห็นหัวเขาสักนิด

เป้ยฉ่ายเวยได้แต่จำต้องตามน้ำ ไปโรงพยาบาลก็ไปโรงพยาบาล ยังไงก็ต้องไป รอตรวจเสร็จแล้ว เธอจะรีบไปทันที

ในงานเลี้ยง คุณแม่หลี่เจตนาดึงตัวหลี่จื่อเชียนไป รอให้เขาจัดการคนพวกนั้นให้เรียบร้อยก่อน ค่อยกลับไปหาเป้ยฉ่ายเวย เขามองหาไปรอบๆงาน ก็มองไม่เห็นเงาร่างของเธอแล้ว

เขาคิดว่าเวยเวยน่าจะไปหาอวี๋ซือซือ แต่เมื่อเขาเห็นว่าข้างกายอวี๋ซือซือมีแต่ถังฉีตง ความสง่างามบนใบหน้าก็เปลี่ยนไป

“จื่อเชียน เป็นอะไร เวยเวยล่ะ ทำไมไม่อยู่กับคุณ” อวี๋ซือซือดูออกว่าหลี่จื่อเชียนผิดปกติ เธอจึงถามด้วยความสงสัย

หลี่จื่อเชียนเหลือบมองเธอครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เวยเวยไม่รู้ไปไหน ผมคิดว่าเธอไปหาคุณแล้ว”

“ฉันไม่เห็นหล่อนเลยนะ ไม่ใช่ว่าแม่นั่นจะไปหลงอยู่ที่ไหนนะ” อวี๋ซือซือยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ คฤหาสน์ใหญ่โตขนาดนี้ เวยเวยไม่ค่อยชอบบรรยากาศแบบนี้ อาจจะออกไปสูดอากาศข้างนอก

ถังฉีตงซึ่งยืนอยู่ข้างๆนั้นกลับมีความคิด เขาเข้ามาได้พักหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่เห็นเงาร่างอาเจ๋อเลย ตอนนี้ก็หาเวยเวยไม่เจออีก หรือพวกเขาสองคนจะอยู่ด้วยกันนะ….

ถ้าเปิดเผยเรื่องคนอื่นแบบนี้จะผิดศีลธรรมมั๊ยนะ

“ผมจะลองไปหาดู” หลี่จื่อเชียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ใจเขามีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี

อวี๋ซือซือค่อนข้างกังวล “ได้ เราแยกกันไปหา เธออาจจะออกไปสวนหลังบ้านข้างนอกก็ได้ ตรงนั้นพื้นพี่กว้างขวาง”

“พวกคุณรอก่อน” ถังฉีตงหยุดพวกเขาทั้งคู่ “ลองโทรหาแล้วรึยัง”

อวี๋ซือซืออึ้งไปราวกับเพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นได้ เธอดึงโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาเป้ยฉ่ายเวย

“ไม่ต้องโทรแล้วล่ะ โทรศัพท์เธอน่าจะดับไปแล้ว” หลี่จื่อเชียนพูด

“ไปกัน ลองไปดูด้วยกัน” ถังฉีตงไม่พูดอะไรอีก เดินตามไปกับพวกเขา

หนานฉิงซึ่งอยู่ไม่ห่างเห็นพวกเขาทั้งสามคนเดินตามกันไป เธอไม่เห็นร่างเป้ยฉ่ายเวยอยู่ในนั้นด้วย แล้วเธอก็หาอาเจ๋อมานานแล้ว แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

ถามพนักงานต้อนรับที่ประตู เขาก็บอกว่าไม่เห็นอาเจ๋อออกไป ทั้งคู่หายไปพร้อมกัน ความหมายมันชัดเจนในตัวเอง

ใจหนานฉิงหล่นตุ๊บ ถ้าหากว่านังสารเลวนั่นล่อลวงอาเจ๋อ….

เธอไม่กล้าคิดต่อ ได้แต่แอบเดินตามหลังพวกเขาไป อยากจะรู้ว่าเป้ยฉ่ายเวยยังอยู่ในงานเลี้ยงนี้อยู่หรือไม่

“นี่...นี่มันเรื่องอะไรกัน” อวี๋ซือซือและพวกเขามาถึงสวนด้านหลัง ยังไม่ทันได้ออกไปไกล ก็เห็นว่าบนพื้นหินอ่อน มีผู้ชายสองสามคนนอนเอกเขนกอยู่

“มา มีคนมา ช่วย ช่วยด้วย” ว่านต้าเผิงได้ยินเสียงฝีเท้า เขาจึงพยายามสุดแรงที่จะร้องขอความช่วยเหลือ

หลี่จื่อเชียนสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่าที่ห่างจากว่านต้าเผิงไปไม่ไกลมีโทรศัพท์มือถือตกอยู่เครื่องหนึ่ง ดวงตาเขาหุบลึก สาวเท้าเดินเข้าไป มองอย่างพินิจพิเคราะห์ เขาจึงได้พบว่าโทรศัพท์มือถือที่ตกกระจายอยู่บนพื้นช่างคล้ายกันมากกับโทรศัพท์ที่ปกติเวยเวยใช้

“เฮ้ นี่โทรศัพท์เวยเวยไม่ใช่หรอ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” อวี๋ซือซือยืนยันความคิดของหลี่จื่อเชียนขึ้นมา

โทรศัพท์บนพื้นก็คือของเวยเวยนั่นแหละ แต่ว่ามันแตกออกเป็นหลายส่วน เจ้าของโทรศัพท์ก็หายตัวไปแล้ว ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับชายที่ร้องขอความช่วยเหลือแน่

อวี๋ซือซือโมโหจนยกตัวคนขึ้นอย่างอุกอาจ พร้อมคำราม “เวยเวยอยู่ไหน”

ว่านต้าเผิงไม่คาดคิดว่าคนที่มานั้นมีความเกี่ยวข้องกับเป้ยฉ่ายเวย และยังตกใจที่ผู้หญิงตรงหน้ามีพละกำลังช้างศสารเธอยกเขาซึ่งเป็นชายร่างใหญ่คนหนึ่งได้อย่างไร อาการบาดเจ็บนั้นก็โผล่ขึ้นมา เจ็บจนต้องยืนตัวขึ้น

“อย่า อย่า อย่าเขย่า….”

เขากำลังจะตายแล้ว เรื่องวันนี้ทำไมถึงได้ซวยแบบนี้ ไปไหนก็พบแต่เคราะห์ร้าย

ถังฉีตงยืนอยู่ข้างหนึ่ง เขามองไปรอบๆ เขาพบสูทและเน็คไทวางอยู่ที่ขา ดูจากงานฝีมือและสีแล้ว ชุดนี้มีมูลค่าเกินกว่าที่ใครจะมาถอดทิ้งเอาไว้

เป็นฮีโร่มาช่วยสาวเอาไว้จริงๆด้วย

“เวยเวยอยู่ไหน” หลี่จื่อเชียนถามถึงเวยเวยอีกครั้ง เขาขยับเดินไปข้างว่านต้าเผิง คว้าคอเสื้อว่านต้าเผิงมาจากอวี๋ซือซือ ดึงขึ้นมา

ว่านต้าเผิงจะทนไหวได้ยังไง เขาตาเหลือก พอปิดลง ก็เป็นลมล้มพับไป

“ไอ้บ้าเอ้ย!” หลี่จื่อเชียนซึ่งอารมณ์ไม่ค่อยดีทนไม่ไหวจึงด่าออกมา มือเขาผ่อนลง ว่านต้าเผิงเป็นเหมือนสินค้า “ปัง” เสียงตกกระแทกลงพื้น

เขาไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลย ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าเป้ยฉ่ายเวยถูกซุ่มทำร้าย แต่ว่าว่านต้าเผิงตอนนี้นอนสลบไปแล้ว หาเวยเวยไม่พบ มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง

อย่างแรกก็คือมีคนช่วยเวยเวยไว้และเธอรีบพาตัวเองหนีไป อย่างที่สองคือเวยเวยได้รับบาดเจ็บและถูกคนพาตัวไป

ไม่ว่าอย่างไหน ใจเขาก็หนักอึ้ง

“เป้ยฉ่ายวเวยนังสารเลวนั่นล่ะ หล่อน...หล่อนเป็นอะไร” หนานฉิงยังอยากจะถามว่าเป้ยฉ่ายเวยไปไหน เมื่อเห็นชายหลายคนนอนสลบอยู่บนพื้น ก็เกิดความสงสัย

อวี๋ซือซือรีบกระโดดถึงตรงหน้าหนานฉิงทันที “เธอใช่ไหมที่ให้คนมาซุ่มทำร้ายเวยเวย รีบส่งตัวเวยเวยออกมาให้เราเดี๋ยวนี้”“บ้ารึเปล่า ฉันไม่รู้ว่าเธอพูดเรื่องอะไร” หนานฉิงได้ยินว่าเป้ยฉ่ายเวยถูกซุ่มทำร้าย ในตาก็ปรากฏความเบิกบานใจ เธอไม่ต้องออกแรงสักนิด ก็มีคนอยากจะจัดการเป้ยฉ่ายเวยนังสารเลวไม่รู้มีศัตรูมากน้อยเท่าไหร่ ตายไปน่ะดีที่สุดแต่ว่าเธอก็ยิ้มอยู่ได้ไม่นาน ต่อมามุมปากก็ต้องงุ้มงอลง สีหน้าไม่พอใจ เธอไม่สนว่าอวี๋ซือซือจะว่ายังไง เธอผลักอวี๋ซือซือไปด้านข้าง เธอเดินไปหลายก้าวแล้วก้มตัวลงนั่ง หยิบชุดสูทขึ้นมาเธอกำฝ่ามือแน่น ข้อต่อขาวซีดจากการบีบรัดอย่างแรง นี่คือชุดสูทและเน็คไทที่อาเจ๋อใส่มาในงานวันนี้ มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเมื่อเห็นชายหลายคนนอนอยู่บนพื้น เธอก็รีบทำความเข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนังสารเลวนั่นถูกอาเจ๋อช่วยพาหนีไป เป็นไปได้อย่างไร“หนานฉิงเธอเมาป่าวเนี่ย เฮ้ ที่เธอถืออยู่เป็นเสื้อของใครน่ะ” อวี๋ซือซือยังโมโหที่หนานฉิงผลักเธอ แต่ทันใดเธอก็เห็นท่าทีของหนานฉิงราวกับจะกินคน ขณะจ้องไปที่ชุดสูทในมือท่าทางนั้นน่ากลัวชอบกล คล้ายกับกำลังจะเสียสติกลายเป็นบ้า แต่วินาทีต่อมา ท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไป แต่ว่าความเย็นชายังคงไม่เปลี่ยนแปลงนังสุนัขตัวเมียนี่อาจจะมีความลับอะไรบางอย่าง เมื่อนึกถึงเรื่องหลายครั้งก่อนที่หนานฉิงทำ เป็นไปได้มากที่คนพวกนี้จะเป็นคนที่หนานฉิงใช้ให้มา

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์