โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่311 อย่ามาขวางฉัน

บทที่311 อย่ามาขวางฉัน

หนานฉิงไม่สนใจอวี๋ซือซือ ใบหน้าเธอเย็นชา เธอมุ่งตรงไปที่หลี่จื่อเชียน พร้อมแสยะยิ้ม และพูดด้วยน้ำเสียงดุร้าย “หลี่จื่อเชียนคุณเห็นแล้วรึยัง ว่าที่ภรรยาของคุณเป็นผู้หญิงใจง่าย ชอบอ่อยแฟนคนอื่น”

“คุณรู้รึเปล่า เสื้อตัวนี้เป็นของอาเจ๋อ คือเสื้อของอาเจ๋อคุณรู้รึยัง แต่ว่าตอนนี้ พวกเขาสองคนก็หายกันไปแล้ว” หนานฉิงลูบเสื้อฉูเจ๋อหยางอย่างอ่อนโยน

“คุณว่าพวกเขาสองคนหายไปทำอะไรกันล่ะ”

หลี่จื่อเชียนกำมือทั้งสองข้างที่อยู่ข้างลำตัว แววตาที่โอ่นโยนวับหายไป เขาพูดกับเธอชัดถ้อยชัดคำ “ไม่อนุญาตให้พูดถึงเธอเช่นนี้”

เขาเชื่อว่าเวยเวยไม่มีเจตตาออกไปกับฉูเจ๋อหยาง แน่นอนว่าจะต้องได้รับบาดเจ็บถึงจำเป็นต้องหนีไปกับฉูเจ๋อหยาง

หนานฉิงเห็นท่าทางหลี่จื่อเชียนที่ปกป้องเป้ยฉ่ายเวย ใจเธอก็เกิดความริษยา ผู้ชายพวกนี้ช่างตาบอด มองนังสารเลวนั่นไม่ออกว่าภายใต้ผิวหน้าอันบริสุทธิ์นั้นจริงๆแล้วหล่อนเสแสร้ง

ใช้อะไรคิด เธอที่เกิดมาในชาติกำเนิดอันสูงส่งยังสู้นังสารเลวที่มาจากบ้านนอกไม่ได้ เธอควรที่จะถูกมองว่าเป็นเจ้าหญิงอันสูงส่งถึงจะถูก

“ฉันพูดแล้วจะทำไม อย่าลืมที่ต่างประเทศ คุณไร้ความสามารถแค่ไหน ถ้าไม่มีนังสารเลวนั่น คุณคิดว่าพวกคุณจะยังรอดมาถึงทุกวันนี้ไหม”

หลี่จื่อเชียนกำมือทั้งสองข้างแน่น เขาเห็นว่าเหตุการณ์ที่ต่างประเทศนั้นมีผลกระทบกับเขามากเพียงใด ความไร้ความสามารถของตนปรากฏขึ้นตรงหน้า ทุกครั้งที่คิดถึงมันก็แผดเผาใจของเขา

ลมหายใจวุ่นวานสับสนราวกับว่ากำลังพยายามสะกดกลั้นความโกรธเอาไว้ “ถ้าหากว่าคุณเป็นผู้ชายล่ะก็ ผมไม่ปล่อยคุณแน่”

หนานฉิงยักไหล่เบือนหน้าใส่เขา พร้อมกล่าวอย่างใจเย็น “ทำไม เพื่อนังสารเลวคนหนึ่ง คิดจะพังตระกูลหลี่เลยหรอ แต่ว่าคุณลองคิดดูสิ พ่อแม่ของคุณท่านเห็นด้วยรึ เท่าที่ฉันรู้คุณแม่หลี่ของคุณก็ยังไม่ยอมรับหล่อนนะ”

“เดี๋ยวก่อน เธอว่าไงนะ เธอตามไปต่างประเทศเพื่อจัดการกับเวยเวยอย่างนั้นหรอ” อวี๋ซือซือจับประเด็นสำคัญทั้งหมดได้ในคราเดียว เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมเธอถึงไม่รู้!

หนานฉิงฮัมเสียง “ฉันคิดว่าเธอสนิทกับเป้ยฉ่ายเวยซะอีกที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ หล่อนมีเรื่องที่ต่างประเทศก็ไม่ได้บอกเธอรึ”

อวี๋ซือซือโมโหจนอยากจะตบเธอสักหลายครั้ง “อย่ามาขวางฉัน ฉันจะตบสั่งสอนนังผู้หญิงคนนี้หน่อย”

“อย่าตกหลุมเธอ” ถังฉีตงจ้องหน้าหนานฉิงซึ่งหยิบโทรศัพท์ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ราวกับจะหันไปทิศทางของอวี๋ซือซือ

ขอแค่อวี๋ซือซือลงมือ เธอได้อยู่ในพาดหัวข่าววันพรุ่งนี้แน่

หนานฉิงเห็นว่ากลยุทธ์ของเธอนั้นล้มเหลว เธอจึงไม่อยู่อีกต่อไป ยังไงตรงนี้ก็มีเธอแค่คนเดียว ไม่อยากจะทนสายตาของพวกเขา เธอเก็บโทรศัพท์ จากนั้นก็จากไปพร้อมความหงุดหงิด

ไม่นานหรอก เธอจะต้องฆ่าไอ้ลูกนอกคอกนั่นให้ตายแน่

“แม่เอ้ย นังสารเลวนี่” อวี๋ซือซือโมโหแทบบ้า

หลี่จื่อเชียนไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เขาไม่พูดอะไรกับอวี๋ซือซือสักคำ เขาหันไปอีกทางและเดินจากไป

“เขาทำอะไรน่ะ” อวี๋ซือซือถามอย่างตกตะลึง

ถังฉีตงขมวดคิ้วและถามกลับ “ถ้าหากว่าที่ภรรยาของคุณหนีไปกับผู้ชายคนอื่นคุณจะรู้สึกอย่างไร”

“...” มีใจอยากจะฆ่าคนแล้วล่ะสิ

ในโรงพยาบาล มาพร้อมกับฉูเจ๋อหยาง โอ้ ไม่ ถูกบังคับมากกว่า เป้ยฉ่ายเวยนั่งอยู่ที่เก้าอี้ รอให้หมอมาตรวจ

หมอเอาฟิล์มเอ็กซเรย์วางไว้บนไฟและส่องดูสักพัก ก่อนจะพูดขึ้นช้าๆ “กระดูกเคลื่อน ไม่ได้รุนแรงมาก ดามไว้ก็พอ”

“ขอบคุณค่ะหมอ” เป้ยฉ่ายเวยถอยหายใจ ขอแค่ไม่รุนแรง ถ้าอย่างนั้นก็สามารถดูแลรุ่ยรุ่ยได้

หมอส่ายหัวพร้อมพูดต่อไป “อาการเจ็บของข้อมือคุณไม่รุนแรง แต่ว่าอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ยังไม่หายสนิท คุณไม่รู้จักถะนุถนอมร่างกายตัวเอง มันจะมีผลกระทบที่ตามมานะ”

เมื่อฉูเจ๋อหยางได้ยินว่าเป้ยฉ่ายเวยไม่ได้มีอาการบาดเจ็บแค่ที่ข้อมือ ยังบาดเจ็บที่อื่นอีก ตาเขาหรี่ลง หรือว่าจะได้รับบาดเจ็บจากวันนั้นบนสะพานยกระดับ ถ้าหากว่าเธอได้รับบาดเจ็บ ลูกน้องก็น่าจะแจ้งเขา

ถ้าหากว่าที่เธอได้รับบาดเจ็บไม่ได้เกี่ยวกับวันนั้น แต่ว่าก่อนหน้านั้น….

เป้ยฉ่ายเวยไม่คาดคิดว่าหมอจะเอ่ยถึงอาการบาดเจ็บก่อนหน้า โดยสัญชาตญาณแล้วเธอคิดจะหันไปดูสีหน้าฉูเจ๋อหยาง มือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บกำประโปรงแน่น อดกลั้นไม่ให้หันกลับไปมอง เธอตอบโดยแสร้งทำเป็นสงบนิ่ง “หมอคะ ฉันรู้แล้ว ฉันจะระวัง ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันกลับได้แล้วใช่ไหมคะ”

“ได้ พักผ่อนให้มาก อย่ายกของหนัก” หมอพยักหน้า

ขณะเป้ยฉ่ายเวยกำลังจะลุกขึ้น ไหล่ของเธอกลับจมลง ถูกคนกดกลับลงไป

“รอก่อน” ฉูเจ๋อหยางเสียงเข้ม ตาเขาไม่ได้มองที่เป้ยฉ่ายเวย แต่จ้องที่หมอตรงหน้า “เธอบาดเจ็บอะไร”

เป้ยฉ่ายเวยอยากลุกขึ้น แต่ว่าไหล่กลับหนักเพราะมือใหญ่นั่น เขาออกแรงจนเธอโมโหที่ขยับเขยื้อนไม่ได้ แต่ว่าก็ไม่ต้องการให้เขารู้ เธอจึงพูดอย่างร้อนรน “ฉูเจ๋อหยางคุณทำอะไร ปล่อยมือเดี๋ยวนี้”

“อยู่นิ่งๆ” คำพูดของฉูเจ๋อหยางถึงแม้จะเรียบง่ายแต่ว่าดุจนไม่กล้าปฏิเสธ

เป้ยฉ่ายเวยกลัวฉูเจ๋อหยาง เธอไม่ขยับ แต่ก็หันหน้าไปข้างๆแสดงว่าต่อต้าน

หมอคิดว่าทั้งคู่เป็นคู่รักกัน แต่ดูแล้วก็ไม่เหมือนกับที่เธอคิด แต่ว่าคนที่ตรงหน้าใช้กำลังกับอีกคนค่อนข้างแรง ในสายตาเธอคิดว่าคงไม่มีใครกล้าต่อต้าน

เธอเป็นหมอจึงไม่อยากไม่สุภาพกับคนอื่น “ผู้ป่วยคนนี้ เจ็บปวดภายนอกมาก่อนแน่นอน แผลด้านหลังหูยังไม่สมานดี แผลบนใบหน้าสมานดีแล้ว แต่กระดูกจมูกที่แตกหักยังไม่ฟื้นตัวสมบูรณ์นัก”

ตอนที่เธอตรวจข้อมือเมื่อสักครู่ เธอสังเกตเห็น หมอมีหัวใจของผู้เป็นพ่อเป็นแม่ ดังนั้นเธอจึงได้เตือนขึ้นอีกประโยคกระดูกจมูกหักหรอ บาดเจ็บที่หู ต้องใช้กำลังแค่ไหนถึงจะกลายเป็นแบบนี้ได้ ทำไมเขาไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนสีหน้าฉูเจ๋อหยางตอนนี้เปรียบได้กับเมฆหมอกอันมืดมน เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น ดึงมือของเป้ยฉ่ายเวยออกไปข้างนอกเป้ยฉ่ายเวยตามความเร็วของฉูเจ๋อหยางไม่ทัน เดินโซเซไปมา เธออยากจะหยุดเขา แต่ว่าบรรยากาศน่ากลัวเช่นนี้ เธอไม่กล้าวันนั้นหน้าห้องผ่าตัด กระดูกจมูกเธอหักไม่ว่า หูขวาเกือบจะถูกหนานฉิงตบจนหนวก โชคดีที่ไปตรวจที่โรงพยาบาล ถึงตอนนี้ยังมีบางครั้งที่ไม่ได้ยินเสียงถึงเธอจะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องกลัวฉูเจ๋อหยาง เธอจะบาดเจ็บหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา ใจทั้งสับสนทั้งยุ่งเหยิง“ฉูเจ๋อหยางปล่อยฉัน ฉันเจ็บ คุณรู้ไหม!”ฝีเท้าของฉูเจ๋อหยางหยุดลงกะทันหัน เป้ยฉ่ายเวยไม่ทันได้ระวังจนเกือบชน ดีที่หยุดได้ทันเวลา เธอเห็นฉูเจ๋อหยางค่อยๆหันมา ด้วยสายตาดุดันของเขานั้นทำให้เธอตกใจและก้าวถอยหลัง “ทำอะไรน่ะ”ฉูเจ๋อหยางไม่ปล่อยมือพร้อมกันนั้นก็อุ้มคนขึ้นมา และเดินต่อไป เจ็บไม่ใช่หรอ กลับไปค่อยโอ๋แล้วกัน

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์