โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่314 เปิดเผยสู่สาธารณะ

บทที่314 เปิดเผยสู่สาธารณะ

เมื่อได้ยินคำของเพื่อนรัก เธอก็อดมองหน้าชายตรงหน้าไม่ได้ พวกเขารู้เรื่องแล้ว….

ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เธอพูด หลี่จื่อเชียนก็รู้ว่าโกหก

“ยืนอึ้งอะไรอยู่ ให้ตายเถอะ รีบเล่ามาสิ” อวี๋ซือซือไม่รู้ว่าเป้ยฉ่ายเวยคิดอะไรอยู่ จึงได้แต่เร่งเธอ

เป้ยฉ่ายเวยอ้าปากค้างไม่รู้จะพูดอย่างไร จิตใจว้าวุ่น เธอไม่รู้ว่าจื่อเชียนก็รู้เรื่องนี้แล้ว

หลี่จื่อเชียนเห็นท่าทีปกติของเป้ยฉ่ายเวย ที่สุดแล้วเขาก็ไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ เขาจึงช่วยอธิบายแทนเธอ “ซือซือ ให้เวยเวยกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ คืนนี้เธอเจอเรื่องร้ายมาไม่น้อยแล้ว”

“พูดก็ถูก เวยเวยเธอกลับไปนอนพักก่อนเถอะ ไว้พรุ่งนี้ฉันจะไปหานะ” อวี๋ซือซือเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าเป้ยฉ่ายเวยแล้วจึงไม่ถามเซ้าซี้อีก

เป้ยฉ่ายเวยกลับไปพร้อมหลี่จื่อเชียน เธอคิดที่จะอธิบายหลายต่อหลายเรื่อง แต่สมองกลับคิดไม่ออกว่าจะพูดว่ายังไง ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ก็ไม่สามารถโกหกตบตาเขาได้

อีกอย่างเขาอาจจะไม่ได้อยากฟังหรอก

ระหว่างทางพวกเขาไม่ได้พูดกันสักคำ เมื่อกลับถึงคฤหาสถ์ รุ่ยรุ่ยรอไม่ไหวจนหลับไปก่อนแล้ว

“จื่อเชียน ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้เจตนาจะปิดบังคุณ ฉันแค่ไม่อยากให้คุณเป็นห่วง” เป้ยฉ่ายเวยก้มมองปลายเท้าขณะพูด

“ผมรู้” หลี่จื่อเชียนไม่ได้โกรธ แต่เสียงก็ฟังดูหงอยๆ “แต่ว่าผมหวังว่าครั้งหน้าถ้ามีเรื่องอะไรคุณจะโทรหาผมก่อน”

เพราะว่าตอนนี้เธอเป็นว่าที่ภรรยาของเขา เขาจึงหวังว่าเวลาที่เธอเดือดร้อนคนที่เธอจะนึกถึงก่อนก็คือเขา ไม่ใช่ผู้ชายคนอื่น

เป้ยฉ่ายเวยเงยหน้าขึ้นเห็นดวงตาอันอ้างว้างและเป็นทุกข์ของหลี่จื่อเชียน เธอจึงรีบอธิบาย “จื่อเชียน มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ฉันคิดจะโทรหาคุณ แต่ว่าไม่ระวังเลยกดโทรผิด”

“อื้อ ผมเชื่อคุณ” หลี่จื่อเชียนนิ่งอึ้ง รอยยิ้มอันอ่อนโยนปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา “ดึกมากแล้ว คืนนี้คุณรีบนอนหน่อยดีกว่า พรุ่งนี้ผมจะพาไปตรวจที่โรงพยาบาลหน่อย”

เป้ยฉ่ายเวยอยากจะบอกว่าไม่ต้อง แต่ว่าเมื่อเธอเห็นท่าทางเป็นห่วงของหลี่จื่อเชียนเธอก็ปฏิเสธไม่ลง “ตกลง”

ทั้งคู่จึงแยกย้ายกันไปห้องนอนของตน

เป้ยฉ่ายเวยเอนหลังอยู่บนเตียงพลิกตัวไปมาแต่ก็นอนไม่หลับ สมองเธอคิดถึงแต่คำพูดของฉูเจ๋อหยางก่อนที่เธอจะออกมา เหมือนมีหินก้อนใหญ่ทับอยู่ในใจ ทำให้หายใจไม่ออก

เธอเริ่มสงสัยว่าการกลับประเทศมาเป็นทางเลือกที่ถูกต้องหรือไม่ ทันใดนั้นก็คิดว่าโลกนี้ช่างใหญ่โต แต่กลับไม่มีที่ใดที่เธอสามารถอยู่ได้อย่างสงบสุข

ฟูกยุบตามการพลิกตัวของเธอ ทำให้เกิดเสียงเสียดสี รุ่ยรุ่ยที่อยู่ด้านข้างก็ดิ้นกลุ๊กๆเข้ามาหา

เสียงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะถามขึ้นเบาๆ “แม่ครับ แม่กลับมาแล้วหรอครับ”

“รุ่ยรุ่ยแม่ขอโทษ แม่ทำให้ลูกตื่นหรอ” เป้ยฉ่ายเวยโอบกอดเขาไว้อย่างถะนุถนอม

รุ่ยรุ่ยโค้งศีรษะของตัวเอง สูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง เขาชอบกลิ่นของแม่ บอกไม่ถูกว่ามันคือกลิ่นอะไร อาจจะเป็นแสงแดด อาจจะเป็นดอกไม้หอม ยังมีรสหวานของขนมเค้ก

ล้วนเป็นกลิ่นที่เขาชอบ “เปล่า ผมไม่ค่อยง่วง”

เป้ยฉ่ายเวยลูบหัวเด็กน้อยแล้วยิ้มยิ้ม “เด็กโง่ ตอนนี้ตีหนึ่งแล้ว จะไม่ง่วงได้ยังไง รีบนอนเถอะ แม่จะนอนข้างๆ”

“แม่ครับ แม่กลับมาแล้วก็ไม่สบายใจ ถ้าอย่างนั้นเรากลับไปอยู่บ้านนอกกันไหมครับ” รุ่ยรุ่ยคิดเอาเองว่าเป้ยฉ่ายเวยอยู่ในเมืองแล้วมีแต่เรื่องวุ่นวายใจ ถ้าหากว่าไปอยู่ต่างจังหวัดแล้วอาจจะเป็นอิสระหน่อย

ไม่ค่อยมีคน ไม่ค่อยมีเรื่องราว ไม่ต้องมีเรื่องปวดหัว

เป้ยฉ่ายเวยไม่พูดอะไร เธอตบไหล่เขาเบาๆ สายตามองเหม่อลอยมองออกไปยังความมืดมิดยามค่ำคืน “รอให้การผ่าตัดของรุ่ยรุ่ยเรียบร้อยก่อน แม่จะพารุ่ยรุ่ยกลับไป”

“ถ้าอย่างนั้นแม่ก็แต่งงานกับคุณอาหลี่แล้วนะสิใช่ไหมครับ” น้ำเสียงของรุ่ยรุ่ยประหม่าอย่างอธิบายไม่ได้

เป้ยฉ่ายเวยนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นว่า “รุ่ยรุ่ยไม่ชอบหรอครับ”

เธอคิดว่ารุ่ยรุ่ยจะชอบเสียอีก ดังนั้นเพื่อรุ่ยรุ่ยและเพื่อตัวเองเธอจึงได้รับปากหมั้นกับจื่อเชียน

มือขาวอวบน้อยๆของรุ่ยรุ่ยปัดแต่งทรงผมอันยุ่งเหยิงของเป้ยฉ่ายเวย เขาพูดอย่างกำกวม “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ คุณอาหลี่เป็นคนดีมาก ผมชอบมาก แต่ว่า…”

“แต่ว่าอะไร…” เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้ว่ารุ่ยรุ่ยมีเรื่องอะไรปิดบังอยู่ในใจ เขาไม่เคยบอกเธอมาก่อน อยู่ต่อหน้าเธอเขาเป็นเด็กดีว่าง่ายเชื่อฟังเสมอ

รุ่ยรุ่ยกัดริมฝีปากสีชมพูเรื่อ ราวกับว่าเป็นการตัดสินใจอันแน่วแน่ จากนั้นจึงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “แต่ผมเห็นว่าแม่ไม่มีความสุข ผมไม่อยากเห็นแม่ไม่มีความสุข”

ถึงแม้เขาจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าการแต่งงานหมายถึงอะไร แต่ถึงแม้ไม่เคยกินหมูแต่ก็เคยเห็นหมูวิ่งผ่าน มีคนบอกว่าการแต่งงานเป็นเรื่องมงคลที่ทำให้คนมีความสุข แต่ผ่านมานานแล้วเขาก็ไม่เห็นความสุขปรากฏอยู่บนใบหน้าแม่เลยสักนิด

หลายครั้งที่เห็นเธอมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง บางครั้งก็หน้ามุ่ยขมวดคิ้ว คาดว่าตัวแม่เองก็คงจะไม่รู้ตัวหรอก

การเคลื่อนไวของมือเป้ยฉ่ายเวยกำแน่นขึ้น ผ่านไปไม่กี่วินาทีมือเธอค่อยๆผ่อนแรงลงและวางบนหลังเขา เสียงเบามาก ตัวเธอเองก็ไม่แน่ใจว่านี่เป็นคำพูดในใจเธอหรือไม่

“แม่ไม่ได้ไม่มีความสุข แม่แค่ตื่นเต้นเท่านั้น”

“หรอครับ” รุ่ยรุ่ยทำปากจู๋ ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าแม่แค่พูดปลอบใจเขาล่ะ

เป้ยฉ่ายเวยนิ่งไปครู่หนึ่ง มือที่ลูบหลังเขาอยู่กระชับแน่นขึ้นอีกนิด “รุ่ยรุ่ยเด็กดี รีบนอนเถอะ”

เธอไม่กล้าเจาะลึกลงไปถึงเจตจำนงที่แท้จริงของเธอ สิ่งที่เธอไม่ต้องการที่สุดในตอนนี้ก็คือความรู้สึกส่วนตัว เพราะว่าความรู้สึกส่วนตัวของเธอคนเดียวได้ทำความยากลำบากให้แก่คนอื่นมาเยอะมากพอแล้ว

รุ่ยรุ่ยยังเด็ก นอนหลับไม่พอจะไม่สดชื่น เขาตื่นมาสักพักก็ง่วงอีกแล้ว เขาหาวและซบอับอกเป้ยฉ่ายเวย จากนั้นก็ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ

เป้ยฉ่ายเวยรอจนเด็กน้อยในอ้อมแขนลมหายใจสงบลง เธอจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้นใสแจ๋วไม่มีความง่วงเลยสักนิด เธอมองไปที่แสงจันทร์นอกหน้าต่าง มองดูแก้มซาลาเปาน้อยๆของเจ้าตัวน่ารัก ความว้าวุ่นใจของเธอก็ค่อยๆเบาบางลง

เธอแค่รักษาพื้นที่เอาไว้แค่หนึ่งในสามส่วนก็พอแล้ว ใครหน้าไหนอย่าได้คิดมาทำร้ายลูกของเธอใครก็อย่าคิด!เช้าวันรุ่งขึ้น เป้ยฉ่ายเวยยังไม่ทันตื่นนอน พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับก็ออกมา หุ้นของบริษัทบันเทิงว่ายอวี๋ได้ตกลงถึงจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ว่านต้าเผิงถูกคนมัดมือมัดเท้าเอาไปทิ้งไว้ในห้างสรรพสินค้าที่คึกคักที่สุด เสื้อผ้าบนร่างกายถูกถอดออกจนเปลือยเปล่านอกจากนั้นยังมีป้ายไม้ห้อยอยู่ที่คอ บนไม้สลักไว้ด้วยตัวหนังสือ---ผมเป็นสัตว์เดรัจฉานเมื่อผู้สื่อข่าวมาถึง มีหลายคนมุงดูอยู่รอบๆ พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้ เห็นมีแต่บรรดาลุงๆป้าๆคอยชี้นิ้วดูอยู่รอบๆ“เหอเหอ หนุ่มสาวสมัยนี้ หน้าไม่อายเสียจริง”“ใช่แล้ว เช้าขนาดนี้ ไม่อายผีสางเทวดาเลย”“ลูกใครเนี่ย บอกว่าตัวเองเป็นสัตว์เดรัจฉาน ช่างน่าขายหน้า”“แชะแชะแชะ” เสียงชัดเตอร์ดัง เสียงตื่นเต้นของนักข่าวดังขึ้นอย่างตื่นเต้น “เร็ว ถ่ายไว้เร็วเข้า เอาไปลงหัวข้อใหญ่เลย หัวข่าวเราจะได้ปังที่สุด!”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์