โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่316 ไปหาพ่อ

บทที่316 ไปหาพ่อ

“อย่าทำอย่างนั้น เรื่องนี้ฉันจัดการเอง” เป้ยฉ่ายเวยรีบห้ามเอาไว้

อวี๋ซือซือใช้มือดึงทั้งผมอยู่หลายครั้ง “เชิญเธอตามสบายเลยละกัน ถ้านังบ้านั่นเกิดทำอะไรขึ้นมาอีก ฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ”

“อื้อ ถ้าหากว่าหล่อนกล้าทำอะไรรุ่ยรุ่ย ฉันก็จะไม่ปล่อยเอาไว้แน่” ใครหน้าไหนก็ล้ำเส้นนี้ของเธอไม่ได้

เมื่อได้ยินเสียงขึงขังของเป้ยฉ่ายเวย อวี๋ซือซือก็ค่อยรู้สึกวางใจ ลดความตื่นตระหนกลงได้บ้าง “เธอรู้ก็ดี ใช้แล้ว เธอเห็นข่าวรึยัง”

“ยัง” เป้ยฉ่ายเวยไม่อยากจะบอกว่าเธอเพิ่งจะตื่นไม่นาน กลัวว่าเพื่อนรักจะยิ่งพูดอะไรที่ทำให้เธอไม่สบายใจเข้าไปอีก

อวี๋ซือซือก็ไม่ทันได้สังเกตเสียงงัวเงียของเป้ยฉ่ายเวย เธอยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “เช้านี้ว่านต้าเผิงถูกจับเปลือยแล้วแขวนไว้ที่ราวบันได ได้ขึ้นพาดหัวข่าวไปทั้งเมืองแล้ว”

จากนั้นเธอก็ลดเสียงลงและถามอย่างลึกลับ “เธอรู้รึเปล่าว่าใครเป็นคนทำ”

“ไม่รู้” เป้ยฉ่ายเวยกระพริบตาถี่ และไม่ได้สนใจในคำตอบ

อวี๋ซือซือพ่นลมด้วยความเสียดาย “คนดีคนนั้นทำเรื่องแล้วไม่ฝากชื่อไว้ ทำเพื่อสาธารณชน ถ้าเขาจัดการกับสุนัขตัวนั้นให้ราบคาบได้เลยจะยิ่งดี”

ในใจเธอ เวยเวยตัดขาดกับฉูเจ๋อหยางแล้ว พ่อตัวแสบทั้งใจแคบทั้งระมัดระวังนั่นคงไม่ทำเรื่องนี้อย่างแน่นอน อีกอย่างมันไม่ตรงกับนิสัยของเขา

ในทางกลับกันน่าจะเป็นเรื่องที่ตรงกับบุคลิกนิสัยของถังฉีตงซะมากกว่า

สายตาเย้ยหยันของเป้ยฉ่ายเวยส่องประกาย ไม่รู้ว่าเธอเย้ยหยันตัวเอง หรือว่าเย้ยหยันความพยายามนี้ของฉูเจ๋อหยาง เขาจัดการทุกคนได้ยกเว้นหนานฉิง เมื่อรู้ถึงข้อนี้แล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่คิดที่จะเพิ่งพาฉูเจ๋อหยาง

เพราะเธอรู้ ฉูเจ๋อหยางไม่มีทางลงมือกับหนานฉิง ถึงแม้หนานฉิงจะทำเรื่องที่ไม่สามารถให้อภัยได้ เขาก็คงทำได้แค่ต่อว่าไม่กี่คำเท่านั้นแหละ

แต่สำหรับเธอแล้ว เรื่องนี้ถือเป็นหายนะอันร้ายแรง

“เวยเวยเธอฟังฉันอยู่รึเปล่า” อวี๋ซือซือรอครู่หนึ่ง อยู่ๆที่ปลายสายก็ไม่มีเสียง

เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนรักเรียก เป้ยฉ่ายเวยถึงได้ดึงความคิดกลับมา “อื้อ ฉันยังอยู่”

“เธอได้ยินก็ดีแล้ว ฉันจะไปเช็คดูสถานการณ์หน่อย กลับมาแล้วจะบอกเธอ” อวี๋ซือซือเตรียมที่จะไปสืบจากถังฉีตง ก่อนที่จะไปคิดบัญชีกับนังอสรพิษ

เธอรับปากว่าจะไม่ไปหาเรื่องนังอสรพิษนี่นา แต่เธอไม่บอกว่าจะไม่ไปคิดบัญชีกับหล่อนสักหน่อย เรื่องนี้เธอขอรับไว้เอง

เป้ยฉ่ายเวยเห็นว่ารุ่ยรุ่ยยังรออยู่ข้างล่าง ก็ไม่ได้คิดอะไรมากอีก เธอรับปากคำหนึ่งก่อนจะวางสายไป

ที่ชั้นล่าง รุ่ยรุ่ยนั่งอยู่บริเวณประตู ตาทั้งคู่จับจ้องไปที่ประตูใหญ่ ท่าทางนั้นโหยหา เขาเอนกายพิงประตู แสงอาทิตย์กำลังตกดินในยามบ่ายสาดส่องไปบนร่างของเขา เงาทอดยาวออกไป

มองจากไกลๆสะท้อนให้เห็นถึงภาพของความเงียบเหงา เหมือนเธอเห็นภาพเงาร่างของฉูเจ๋อหยาง ช่างเงียบเหงาช่างหนาวเหน็บแปลกแยกจากฝูงชน

เป้ยฉ่ายเวยอึดอัดใจ เธอเดินเข้าหารุ่ยรุ่ยช้าๆ ค่อยๆเห็นท่าทางของเขา นั่งอยู่ตรงบันได มองออกไปที่ดวงอาทิตย์ที่อยู่ไกลโพ้นท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม

อากาศดีมากนะ

“แม่ครับ แม่ว่าทำไมนกชอบบินอยู่บนท้องฟ้า มันไม่เหนื่อยหรอครับ” รุ่ยรุ่ยถามโดยไม่หันไปมอง

เป้ยฉ่ายเวยจ้องมองไปอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบผมสั้นของเด็กน้อย เสียงนั้นช่างอ่อนหวาน “อาจจะเหนื่อยนะ แต่นกน้อยก็น่าจะชอบความรู้สึกที่ได้เป็นอิสระ”

รุ่ยรุ่ยเงียบไปหลายวินาที เสียงเด็กน้อยนั้นทำให้เป้ยฉ่ายเวยอดอิจฉาไม่ได้ “แม่ครับ ผมอยากเป็นนก”

เขาอยากที่จะวิ่งไปไหนมาไหนได้อย่างไร้กังวล ไม่ต้องห่วงว่าร่างกายตัวเองจะรับไหวหรือไม่ เขาอยากหัวเราะอย่างอิสรเสรีไม่ต้องพะวงว่าหัวใจของเขาจะเต้นเร็วเกินไปหรือไม่

เป้ยฉ่ายเวยเข้าใจความหมายในคำพูดของเขาดี เธอรู้สึกเจ็บอยู่ในใจ แต่ถึงแม้จะเจ็บ แต่เมื่อเธอเห็นท่าทางอันเปี่ยมไปด้วยความหวังของเขา ทันใดนั้นเธอคิดว่าการตัดสินใจของเธอนั้นเป็นความเห็นแก่ตัวหรือไม่

การที่ไม่ยอมให้รุ่ยรุ่ยและฉูเจ๋อหยางได้รู้จักกัน เธอไม่ได้พูดมันออกมาตรงๆ ทุกเรื่องที่ทำและทุกการตัดสินใจนั้น ล้วนเป็นไปเพื่อขัดขวางไม่ให้พวกเขาพ่อลูกได้รู้จักกัน

ถึงแม้ว่ารุ่ยรุ่ยจะบอกเธออยู่เสมอว่าเขาไม่ได้อยากรู้จักฉูเจ๋อหยาง แต่เธอก็รู้ว่าที่เขาพูดเช่นนั้นเพียงเพราะต้องการปลอบใจเธอ

“รุ่ยรุ่ย คิดถึงพ่อไหมครับ”

รุ่ยรุ่ยที่อยู่ตรงขั้นบันไดเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่รู้ตัว เขาส่ายหัวน้อยๆพร้อมยักไหล่ นัยน์ตาดำขลับคู่นั้นจ้องไปที่ปลายเท้าของเธอ เขาคิด

กลับมาตั้งนานแล้ว เขาอยากจะเจอพ่อสักครั้ง แต่ก็ไม่อยากทำให้แม่ไม่สบายใจ

เป้ยฉ่ายเวยมองทะลุถึงใจของรุ่ยรุ่ย เธองุ้มปาก พยายามฝืนให้ตัวเองยิ้มออกมา “รุ่ยรุ่ย เราหาเวลาไปเจอพ่อกันมั๊ย”

รุ่ยรุ่ยตกตะลึงเขาเงยหน้าขึ้นมองเป้ยฉ่ายเวยอย่างไม่อยากจะเชื่อ จนกระทั่งเห็นใบหน้าเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เขาจึงแน่ใจว่าเมื่อสักครู่เขาไม่ได้ฟังผิดไป

แม่จะพาเขาไปเจอพ่อแล้วจริงๆ

เป้ยฉ่ายเวยเห็นสีหน้ารุ่ยรุ่ยไม่ได้มีความตื่นเต้นเลยสักนิด ใบหน้าของเจ้าซาลาเปาน้อยกลับก้มลง เธอจึงถามด้วยความสงสัย “ว่าไง รุ่ยรุ่ยไม่ดีใจหรอ”

เธอเห็นชัดๆว่าเขามีท่าทีดีใจ

รุ่ยรุ่ยก้มศีรษะลงแล้วเริ่มใช้นิ้ววาดเป็นวงกลมบนบันไดหิน เสียงอันคมชัดนั้นพูดขึ้นด้วยความสิ้นหวัง “แม่ครับ ผมไม่อยากเจอเขา”

ที่แม่ต้องเสียใจก็เป็นเพราะความผิดของพ่อ ถ้าหากว่าเขาแสดงออกว่าแทบจะรอไม่ไหวนั่นต้องทำให้แม่เสียใจแน่ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้ “พ่อตัวร้าย” มาทำให้แม่ของเขาเสียใจอีกคนเป็นแม่ย่อมรู้ใจลูก เป้ยฉ่ายเวยทำไมจะดูลูกชายไม่ออก เธอใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บดึงเขาขึ้นมา นั่งตักตนเอง จากนั้นก็แตะไปที่จมูกน้อยๆของเขาพร้อมพูดเสียงอ่อย “เดี๋ยวนี้รุ่ยรุ่ยหัดซ่อนความรู้สึกกับแม่แล้วหรอครับ”“เปล่านะครับ” รุ่ยรุ่ยถูกจับได้ เขาหน้าแดงไปจนถึงคอเป้ยฉ่ายเวยหัวเราะหึๆพร้อมกระชับเขาเข้ามาในอ้อมแขน ทำให้เขาพิงอยู่บนตัวเธอ ที่หางตาข้างหนึ่งของเธอมองออกไปที่นอกสนาม “รุ่ยรุ่ยไม่ต้องห่วง แม่ไม่โกรธหรอก แม่ก็ดีใจที่รุ่ยรุ่ยได้ไปหาพ่อ”“แต่ว่าพ่อไม่ดี….” รุ่ยรุ่ยซุกแก้มซาลาเปาน้อยเข้าที่อ้อมอกเป้ยฉ่ายเวย เขาสูดดมกลิ่นอันอบอุ่นของแม่ สีหน้าเขาดูเศร้าเล็กน้อยเป้ยฉ่ายเวยยิ้ม ที่แท้หนุ่มน้อยบ้านเราห่วงว่าเธอจะเสียใจ “รุ่ยรุ่ย พ่อไม่ได้ไม่ดี พ่อเขาไม่รู้ว่ามีลูกอยู่ แม่คิดว่าพอพ่อรู้ว่าตัวเองมีลูกที่ทั้งน่ารักและฉลาดอย่างนี้ เขาจะต้องภูมิใจในตัวลูกอย่างแน่นอน”เขาเชื่อว่าเมื่อฉูเจ๋อหยางได้เจอรุ่ยรุ่ยแล้ว เขาจะต้องชอบลูกแน่ เพราะว่ารุ่ยรุ่ยทั้งฉลาดทั้งน่ารัก ว่าง่ายและมีเหตุมีผล“เฮ้ ใครอยากให้เขาชอบล่ะ” รุ่ยรุ่ยเชิดปากอย่างหยิ่งอวดดี แต่หูสีชมพูกลับทรยศเขาเผยให้เห็นถึงความเขินอายเป้ยฉ่ายเวยแกล้งทำเป็นไม่เห็น เธอพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ ใช่ ที่รักของเราคงไม่อยากจะไปเจอเขาหรอก”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์