บทที่ 394 ปล้นธนาคารมาใช่ไหม
เป้ยฉ่ายเวยตอบกลับอย่างขอไปทีไม่กี่คำ จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องพูด
เธอไม่รู้ว่าควรอธิบายกับรุ่ยรุ่ยอย่างไรดีว่าเธอกับฉูเจ๋อหยางไม่ใช่สามีภรรยากันมีน้องชายหรือน้องสาวให้เขาไม่ได้หรอก
ยังดีที่รุ่ยรุ่ยเองก็ไม่ใช่คนจู้จี้ถามซักเท่าไหร่ จึงไม่ได้จี้ถามอะไรเธอต่อ
แต่ก็ยังเก็บคำพูดนั้นเอาไว้อยู่ในใจ
เขาถูกคำพูดของเจี่ยงเสี่ยวเล่อเรื่องน้องสาวน่ารักอ่อนหวานกับน้องชายที่คอยวิ่งตามตูดเรียกเขาว่าพี่ชายล่อใจเข้าให้ซะแล้ว
ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เถอะ
ของของรุ่ยรุ่ยไม่เยอะ จึงใช้เวลาเก็บแป๊บเดียว ส่วนของของฉูเจ๋อหยางเยอะมาก แต่ว่าเขาก็เป็นคนรวยอะเนอะ ไม่ต้องเก็บอะไรมากซื้อเอาใหม่ก็ได้
ดังนั้น คำว่าเก็บของของเขา จึงดูค่อนข้างที่จะเรียบง่ายไม่ดูเยอะแยะ
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ก็เก็บกระเป๋าเรียบร้อยพร้อมที่จะออกเดินทาง
ตอนที่เป้ยฉ่ายเวยเดินมาถึงประตูทางออกก็สูดหายใจเอาอากาศเย็นๆเข้าไป
เห็นรถหลายคันที่จอดนิ่งสนิทอยู่หน้าโรงพยาบาล แต่ละคันก็ดูหรูซะด้วย
ที่ทำให้เธอประหลาดใจที่สุดก็คือ การที่ฉูเจ๋อหยางจูงมือรุ่ยรุ่ย เดินตรงไปยังรถคันที่จอดอยู่ตรงกลาง คล้ายจะประกาศิตความเป็นเจ้าของ
อย่าบอกนะ ว่านี่เป็นรถของฉูเจ๋อหยางทั้งหมด?
。
หัวใจของเป้ยฉ่ายเวยกระตุกไหว
เพราะถูกอิทธิพลของฉูเจ๋อหยางทำให้ตกตะลึงเข้าซะแล้ว
“ไม่ขึ้นรถหรอ?” ฉูเจ๋อหยางมองหญิงสาวที่ทำหน้าอึ้งๆ กระดกคิ้วขึ้นเชิงถามอย่างอดไม่ได้
แอบพูดในใจว่า ยัยตัวเล็กเอ้ย แค่นี้ก็ตะลึงแล้วหรอ?
แปลกใจเก่งจริงๆ
เป้ยฉ่ายเวยถูกจูงมือขึ้นรถด้วยสติที่ล่องลอย
ต่างกับรุ่ยรุ่ยที่ค่อนข้างจะนิ่ง ในสายตาของเด็กน้อยยังคงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องชนชั้นอะไรพวกนี้แจ่มแจ้งเท่าไหร่ คิดแค่ว่าในรถนั่งสบายมาก ดังนั้นจึงเอาแต่ลูบไล้เบาะนั่งขึ้นๆลงๆ พูดคุยกับฉูเจ๋อหยางด้วยแววตาตื่นเต้น
“พ่อครับ รถคันนี้ใหญ่มากเลย ใหญ่กว่าคันไหนๆที่ผมเคยนั่งเยอะมาก” รุ่ยรุ่ยเอ่ยปากพูด
ไม่รู้ว่าฉูเจ๋อหยางควานหากล่องเล็กๆในมือนั่นมาแต่ไหน ข้างในกล่องมีขนมอยู่เต็ม
เขาส่งให้รุ่ยรุ่ย ขณะที่พูดตอบกลับว่า “ถ้าหนูชอบ ต่อไปนี้รถคันนี้ก็จะเป็นคันที่เอาไว้ไปรับไปส่งหนูที่โรงเรียนโดยเฉพาะเลย”
ในที่สุดเป้ยฉ่ายเวยก็มีสติกลับมา รับเอาขนมนั้นไว้ “รุ่ยรุ่ยกินขนมเยอะไม่ได้”
โดยเฉพาะพวกขนมหวานๆเลี่ยนๆพวกนี้
ถึงเธอจะรู้ว่ารุ่ยรุ่ยชอบกินของหวานขนาดไหนก็ตาม
ฉูเจ๋อหยางส่งเสียงหึออกมา เมื่อเห็นลูกชายส่งสายตาอ้อนๆมาให้ เขาก็แย่งเอากล่องขนมมาแล้วหยิบเอาลูกอมอันหนึ่งป้อนเข้าปากให้รุ่ยรุ่ย “ไม่ต้องห่วง ของพวกนี้ผมให้คนไปหาซื้อมาโดยเฉพาะ รุ่ยรุ่ยกินได้แน่”
หัวใจของเป้ยฉ่ายเวยสั่นสะท้าน
ไม่ใช่ซาบซึ้งใจ แต่เพราะโกรธ
รวยนักหรือไง?
ถึงได้สั่งทำโดยเฉพาะได้?
เหอะ!
กำลังอวดเบ่งกับเธอล่ะสิว่าตัวเองรวย!
เป้ยฉ่ายเวยฮึดฮัด
รุ่ยรุ่ยเห็นแบบนั้น ก็กอดกล่องขนมไว้แนบอกแล้วทำตามฉูเจ๋อหยาง โดยปอกลูกอมออกแล้วป้อนให้เป้ยฉ่ายเวยกิน
รสชาติไม่ได้หวานอะไรมาก แต่มีกลิ่นนมจางๆ รสชาตินุ่มละมุน
อย่าว่าแต่รุ่ยรุ่ยเลย เป้ยฉ่ายเวยเองที่ปกติไม่ชอบกินหวาน ยังรู้สึกว่าอร่อยมากๆ
ถึงขนาดที่รู้สึกถูกปาก
เมื่อเห็นทั้งสองคนหยีตาลงด้วยความรู้สึกพอใจ
ก็ทำให้ฉูเจ๋อหยางรู้สึกคุ้มค่ากับการที่ต้องเสียเงินไปเยอะเพื่อให้คนไปหาสิ่งนี้มา
ดังนั้น ฉูเจ๋อหยางจึงกินลูกอมนั้นด้วยเหมือนกัน
สามคนพ่อแม่ลูกจึงได้ใช้เวลาพักผ่อนด้วยกันอย่างนานๆทีจะมีครั้ง
รถหรูหลายคันคอยคุ้มกันรถคันตรงกลาง รถทั้งหลายแล่นอยู่บนถนนเรียงเป็นแถวอย่างสง่า
ในที่สุด ก็แล่นเข้ามาในเส้นทางเปลี่ยวๆราวกับไร้ผู้คน จากนั้นก็จอดลง ณ บริเวณคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่กึ่งๆไหล่ภูเขา
เป้ยฉ่ายเวยอ้าปากเหวอตาค้างอีกครั้ง
พื้นที่โดยรอบเป็นคฤหาสน์หรูหราที่ดูกว้างขวาง
บริเวณทางเข้าหน้าประตูมีรูปปั้นสิงโตขาววางอยู่อย่างน่าเกรงขาม ถึงจะเป็นการจัดวางที่ดูเชยไปหน่อยของเจ้าของบ้าน แต่เพราะมีวิวทิวทัศน์โดยรอบที่เข้ากันได้ดีกับชายคาที่โค้งขึ้นแบบจีนๆ ยิ่งทำให้ดูสูงศักดิ์
มันไม่ใช่ความเรียบง่ายที่ดูทำแบบลวกๆ แต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการย้อนยุคที่ทำขึ้นอย่างละเอียดและประณีต
เธอความรู้น้อยก็จริง แต่ก็ดูออก ว่าที่นี่เป็นที่ที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถเข้าออกได้ตามสบายแน่
และที่นี่ก็ไม่ใช่สถานที่ที่ทนายคนหนึ่งสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายไหวได้ด้วยเช่นกัน
แต่ถ้า......
“ฉูเจ๋อหยาง คุณคงไม่ได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ใช่ไหม? เราก็แค่มาอาศัยอยู่ชั่วคราวหรือไม่ก็เช่าเอาใช่หรือเปล่า?” เป้ยฉ่ายเวยถามขึ้นอย่างลิ้นจุกปาก
แต่ว่าถึงจะเช่าเอา คิดว่าก็น่าจะจ่ายไปเยอะเหมือนกันนะ?
เรื่องความต่างทางฐานะของเธอกับฉูเจ๋อหยาง ดูเหมือนว่าจะยิ่งต่างกันมากกว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้ซะอีก
ฉูเจ๋อหยางเหลือบมองเธออย่างเย้ยๆ เป็นผู้หญิงที่อ่อนหัดเสียจริง!
เขาจึงพูดออกมาด้วยเสียงหยิ่งๆว่า “ผิดแล้ว นี่บ้านผมเอง!”
และแน่นอน นี่เป็นบ้านของพวกเราด้วย ใช่ว่าจะเป็นบ้านของเขาคนเดียวซะหน่อย
แต่ว่าความจริงอันประจักษ์แจ้งนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการคาดเดาของเป้ยฉ่ายเวยเลยแม้แต่น้อย
“คุณ.....” เป้ยฉ่ายเวยใช้สายตาเหลือเชื่อมองมาที่เขา จู่ๆก็มีความคิดเหลวไหลไร้สาระผุดขึ้นมาในหัว “คุณคงไม่ได้ไปปล้นธนาคารมาใช่ไหม?”
ฉูเจ๋อหยาง “..........”
บ้าไปแล้ว!
เขาก้มลงไปอุ้มลูกชาย ไม่สนใจผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป แต่รุ่ยรุ่ยก็ส่ายหัว เพราะจำได้ว่าเขามีแผล “ไม่ต้องครับพ่อ ผมเดินเองได้ เดี๋ยวแผลของพ่อตึง”
เมื่อพูดถึงแผล เป้ยฉ่ายเวยก็มองทั้งสองอย่างเครียดๆ จากนั้นก็ละสายตาไปมองทางเดินทอดยาวคดเคี้ยว ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอสักหน่อยทำไมต้องไปสนใจด้วย
รถวิ่งเข้ามาจอดด้านใน จึงได้เห็นว่าบริเวณด้านในไม่ได้เป็นสิ่งก่อสร้างแบบโบราณซะหมด แต่เป็นแบบสมัยใหม่ซะส่วนใหญ่ เป้ยฉ่ายเวยถอนหายใจออกมาเบาๆ มองไปทางประตูใหญ่ทีไร ก็มักจะคิดไปเองว่าอาจมีคนใส่ชุดโบราณเดินออกมาอย่างไรอย่างนั้น เป้ยฉ่ายเวยคิดอย่างปลงๆ แล้วเดินเข้าไปยังส่วนกลางของบ้าน การตกแต่งของที่นี่เป็นการตกแต่งแบบสมัยใหม่ประยุกต์เข้ากับสมัยเก่า เป็นส่วนที่ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกว้าวสักเท่าไหร่ บ้านเป็นแบบสองชั้น เป้ยฉ่ายเวยกับฉูเจ๋อหยางได้อยู่ชั้นล่าง ส่วนรุ่ยรุ่ยอยู่ชั้นบน เมื่อได้ยินแบบนี้ เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกไม่ค่อยเคลียร์ ไม่ชอบใจเลยด้วยซ้ำ “ไม่ต้องยุ่งยากหรอก ฉันนอนกับรุ่ยรุ่ยก็ได้ ฉันมาที่นี่ก็เพราะมาดูแลรุ่ยรุ่ย” ฉูเจ๋อหยางยกขาขึ้นไขว่ห้าง พูดออกมาอย่างสบายๆ “ส่วนใหญ่ก็ให้คนของโรงพยาบาลมาดูแลนะ ขาดคุณไปก็ไม่เป็นอะไรหรอก คุณเองก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไหร่จะไปดูแลใครได้?” เท้าของเธอยังต้องคอยระวังให้ดี วันนี้เธอขยับไปขยับมาอยู่นาน ตอนนี้น่าจะเริ่มเจ็บแล้วมั้ง? อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่าเธอพยายามปกปิดแผลบนเท้าของเธอเอาไว้ เป้ยฉ่ายเวยเบ้ปาก “ที่ฉันจะไปอยู่กับรุ่ยรุ่ยเพราะเขาต้องการการดูแลจากฉันต่างหาก” “เหอะ หลงตัวเองจริงๆ คุณคิดว่ารุ่ยรุ่ยอยู่ห่างจากคุณไม่ได้จริงๆหรอ?” ฉูเจ๋อหยางพูดแขวะอย่างไม่เกรงใจ หันไปมองรุ่ยรุ่ยที่มองมาที่เขาทั้งสองคนตาแป๋ว “ว่าไง รุ่ยรุ่ย” ลุ่ยลุ่ยมองผู้เป็นแม่ที่ทำหน้าคาดหวังด้วยความสับสนวุ่นวาย แล้วก็มองไปทางจางหวงที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างหลังคุณพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่ เสียงเล็กๆจึงดังขึ้นว่า “แม่ครับ จริงๆแล้วรุ่ยรุ่ยก็โตแล้ว นอนคนเดียวได้ครับ”ขอโทษนะครับคุณแม่ รุ่ยรุ่ยอยากมีน้องชายไม่ก็น้องสาวซักคน
copy right hot novel pub