บทที่456 เสิ่นลั่งมาแล้ว
เมื่อได้รับคำตอบเป็นมั่นเป็นเหมาะจากเธอแล้ว หลี่จื่อเชียนก็โล่งอก เขาประทับจูบที่ซอกคอเธออย่างพึงใจ
ลมหายใจอุ่นๆกระทบที่ซอกคอ จั้กจี๋จนทำเอาเธอขนลุก
เป้ยฉ่ายเวกลั้นไม่ไหวถึงกับถอยหลบไปข้างหลัง เธอฝืนยิ้ม “อย่างทำอย่างนี้เลย”
หลี่จื่อเชียนค่อยๆปล่อยเธอออก จากนั้นก็พินิจพิจารณาถึงท่าทีของเธอ เขาเห็นแก้มเป้ยฉ่ายเวยแดงระเรื่อ ใจก็ค่อยผ่อนคลาย
แค่เขินไม่ได้รังเกียจนั่นก็นับว่าดีแล้ว
แต่ว่า พอก้มหน้าอย่างนี้ก็ยิ่งทำให้มองเห็นรอยฟกช้ำต่างๆบนใบหน้าเธอชัดขึ้น ยิ่งทำให้เขายิ่งรู้สึกทุกข์ใจ
เขาเอามือข้างหนึ่งลูบไปบนหน้าเธอ สายตาและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสำนึกผิด “เจ็บไหม”
เป้ยฉ่ายเวยนิ่งไป ในใจก็คิดอยากจะบอกว่าไม่เจ็บ
แต่เมื่อสบตาชายคนนั้นแล้ว เธอก็รู้สึกทั้งน้อยใจและคับข้องใจ
“เจ็บ” เธอได้ยินเสียงเล็กๆของเธอแว่วออกไป อ่อนแอ ทำเหมือนจะร้องไห้ เหมือนว่าโดนรังแก
หลี่จื่อเชียนใจอ่อนลงในทันที
เขาจุ๊บไปที่แก้มเธอเบาๆ เสียงรับปากอย่างแผ่วเบา “เวยเวย ผมจะไม่ทำให้คุณต้องน้อยเนื้อต่ำใจอีก”
เป้ยฉ่ายเวยหลับตาพริ้ม ขนตายาวบดบังรูปลักษณ์ของดวงตาไว้ ทำให้เขาดูไม่ออกมาเธอเชื่อหรือไม่เชื่อกันแน่
ณ ออฟฟิต
ฉูเจ๋อหยางไปที่ทำงานอย่างมึนตึง หลินไห่โก้งโค้งตัวอย่างกับนกกระจอกเทศ กล่าวอย่างเคารพ “คุณเสิ่นเข้ามารอครู่ใหญ่แล้วครับ”
พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่ามีเรื่องอะไรใหญ่โต มีเรื่องอะไรทำไมเขาไม่โทรหาทนายฉูล่ะ
แต่ว่าตาเสิ่นลั่งนั่นก็ไม่ค่อยเหมือนกับคนอื่นทั่วไป
ที่เมืองจิ่นอันถึงแม้ตระกูลเสิ่นจะไม่ได้มีอำนาจล้นฟ้า แต่ก็ถือว่าเป็นตระกูลชั้นนำ ตอนนี้ถ้าหากว่าเสิ่นลั่งมาปรากฏตัวอยู่ที่สำนักงานทนายความ แน่นอนว่าต้องเป็นสำนักงานทนายความที่เลื่องชื่อ หรือไม่ก็ต้องเป็นที่น่าจับตามอง
ดังนั้น ตอนที่เสิ่นลั่งเอ่ยว่าอยากพบฉูเจ๋อหยาง เขาจึงไม่กล้าทำเฉย
ฉูเจ๋อหยางพ่นลมออกจมูกเบาๆ พร้อมพูดก่อนจะเดินเข้าห้องประชุมไป “เอากาแฟเข้ามาด้วยสองแก้ว”
หลินไห่ผงกหัวงกๆรีบไปจัดการ
ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูให้
“ทนายฉู ไม่เจอกันนานเลยนะ” เสิ่นลั่งยิ้มพร้อมลุกขึ้นยืน ไม่ได้ดูหงุดหงิดที่ต้องรอนานเลยสักนิด
ฉูเจ๋อหยางใช้สายตาเหยี่ยวกวาดตามองไปที่เขา มือก็ยื่นออกไปจับมือเขาที่ยื่นออกมา “ไม่เจอกันตั้งนาน คุณเสิ่นสบายดีนะครับ”
เสิ่นลั่งยิ้ม ตาเป็นประกาย
ทั้งคู่นั่งลงไม่นาน ข้างนอกก็ส่งกาแฟเข้ามาสองแก้ว
เมื่อประตูปิดลงอีกครั้ง ฉูเจ๋อหยางจึงพูดขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าคุณเสิ่นเข้ามาล่วงหน้ามีเรื่องอะไรรึเปล่า”
“ไม่ทราบว่าทนายฉูจะยังจำเรื่องที่รับปากเอาไว้คราวก่อนได้หรือไม่ วันนี้คุณเสิ่นมาหาทนายฉูก็ด้วยเรื่องนี้ คดีนี้ ไม่ทราบว่าทนายฉูมั่นใจอยู่กี่ส่วน” เสิ่นลั่งหยิบแฟ้มที่เตรียมเอาไว้แล้วออกมา และวางมันไว้ตรงหน้าฉูเจ๋อหยาง
ฉูเจ๋อหยางหรี่ตาลงมอง
โจรฟ้องจับโจร เสิ่นลั่งนี่สุดยอดจริงๆ
คนที่ช่วยลิ่วเอ่อร์ลักพาตัวรุ่ยรุ่ยก็คือเขา คนที่ทำลายแผนการของลิ่วเอ่อร์โดยการคาบข่าวมาบอกเขาก็คือเขาอีกเช่นกัน และยิ่งแถมพ่วงมาด้วยข้อเสนอนี้อีก สมแล้วที่ได้เป็นผู้ดูแลตระกูลเสิ่น
น่าเสียดาย…
มุมปากฉูเจ๋อหยางปรากฏรอยยิ้ม
เขาหยิบเอกสารนั้นขึ้นมาอ่านจริงๆ
เป็นข้อพิพาททางการค้าทั่วไปที่พบบ่อยมาก หลักฐานครบถ้วน เงื่อนไขก็ชัดเจน แน่นอนว่าตระกูลเสิ่นชนะแน่ แต่ว่าคดีอย่างนี้ เสิ่นลั่งกลับต้องการเรียกใช้เขา
“คุณเสิ่น ดูทั่วไปแล้ว คดีนี้ ทนายคนไหนในสำนักทนายความผมก็สามารถชนะได้ ผมว่าทีมทนายความของคุณเสิ่นคงไม่ได้กินเงินเดือนฟรีๆหรอกนะ แต่แน่นอนว่าถ้าหากคุณเสิ่นเชื่อใจผมล่ะก็ ผมจะช่วยเลือกทนายฝีมือดีของสำนักเราให้” ฉูเจ๋อหยางเอ่ยพูดกับเสิ่นลั่ง
เสิ่นลั่งยิ้มอ่อน “ดูเหมือนทนายฉูจะมั่นใจว่าชนะร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าอย่างนั้น ผมมอบคดีนี้ให้ทนายฉูก็แล้วกัน แม้ว่าคดีนี้จะดูธรรมดาๆ แต่ว่ามันมีความหมายกับผมมาก คนที่ผมไว้ใจ มีแค่ทนายฉูเท่านั้น ทนายฉูโปรดรับไว้ด้วย”
ฉูเจ๋อหยางมองเขาแน่นิ่ง เสิ่นลั่งพบเขาด้วยตัวเองอย่างไม่ลังเล และยังแสดงความมั่นอกมั่นใจ
คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะสุดโต่ง
มุมปากฉูเจ๋อหยางยกขึ้น การแสดงออกนั้นเป็นไปอย่างคาดไม่ถึง “ในเมื่อคุณเสิ่นไว้เนื้อเชื่อใจ ผมคงต้องน้อมรับไว้ด้วยความเคารพ!”
เสิ่นลั่งขมวดคิ้วอย่างไม่เคยเป็น
สำเร็จง่ายเกินไปจนทำเอาดูน่าสงสัย
“คดีนี้ค่อนข้างด่วน ศาลจะไต่สวนวันที่สิบหกเดือนนี้ ทนายฉูไม่มีปัญหาใช่ไหม” เสิ่นลั่งลุกขึ้นพูดกับฉูเจ๋อหยาง
วันที่สิบหก…
ฉูเจ๋อหยางพยักหน้า “แน่นอน ไม่มีปัญหา”
ถึงแม้จะเหลือเวลาไม่ถึงห้าวัน
เสิ่นลั่งจากไปอย่างพอใจ นัยน์ตาสีเข้มของฉูเจ๋อหยางมองไปยังเอกสารในมือ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสงสัยในความสามารถของเฉียวเจิ้นหลี
เสิ่นลั่งและว่านต้าเผิงตกลงกันไว้แล้ว ผู้ชายคนนั้นมันไม่รู้สำนึกจริงๆ สมควรตายนัก!
เวลานี้เฉียวเจิ้นหลียังมัวพุ่งความสนใจอยู่ที่หนานเทียนหยาง
จนกระทั่งโทรศัพท์ดังขึ้น หลังจากเห็นเบอร์ฉูเจ๋อหยาง เขาก็ตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว
ช่วงนี้ดูเหมือนทุกครั้งที่ฉูเจ๋อหยางโทรมาก็จะมีแต่เรื่องไม่ดี
“ฮัลโหล อาเจ๋อ” เฉียวเจิ้นหลีพูดเบาๆ
ฉูเจ๋อหยาง : “จับตาดูความเคลื่อนไหวช่วงนี้ของเสิ่นลั่งแล้วรึยัง”
“เสิ่นลั่งรึ” เฉียวเจิ้นหลีนิ่งไป
ฉูเจ๋อหยางหายใจฮึดฮัดด้วยความหงุดหงิด
เฉียวเจิ้นหลีรีบพูด “มีคนคอยดูอยู่ที่ตระกูลเสิ่นตลอด แต่ว่าช่วงนี้ก็ดูไม่มีอะไรนะ” “อ้อ เสิ่นลั่งกับว่านต้าเผิงตกลงนัดกันเรื่องวันส่งมอบสินค้าแล้วนะ วันที่สิบหกเดือนนี้ ตรวจสอบไม่พบอะไรหรือคนทำงานไร้ประสิทธิภาพ คุณรีบไปจัดการทีมงานคุณใหม่เถอะ” ฉูเจ๋อหยางดีดนิ้วจากนั้นก็วางสายไป สมองเสิ่นลั่งปรากฏขึ้นมาสองคำ : เรียบร้อย! ฉูเจ๋อหยางเป็นคนพูดแล้วทำเลย! ด้วยใจระแวดระวัง เฉียวเจิ้นหลีรีบไปตรวจสอบเรื่องที่ฉูเจ๋อหยางบอกในทันที ถึงแม้ว่าสิ่งที่ออกมาจากปากเขาไม่มีทางจะผิดเพี้ยนไปได้ก็เถอะ แต่มันทำให้เข้าใจเรื่องหนึ่งได้อย่างชัดเจน ว่าเขาถูกฉูเจ๋อหยางวิพากษ์วิจารณ์ซะจนเสียหน้าแค่ไหน แต่เมื่อตรวจสอบจนถึงที่สุดก็ได้รู้ผล ดูเหมือนว่าหลังจากลงไปตรวจดูแล้ว ใจเขาก็แทบทรุด แต่ว่า สถานที่ลับที่จะใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้านั้น เขามุ่งมั่นทุ่มเทเกินหนึ่งร้อยยี่สิบเปอร์เซ็นต์ จนในที่สุดก็หาสถานที่นั้นพบจนได้ แน่นอนว่าคนเจ้าเล่ห์นั้นมีสถานที่ลับๆอยู่มากมาย มันจะเป็นสถานที่นั้นจริงรึเปล่า คงจะต้องมาถกกันอีกครั้ง ตอนที่ข้อมูลของเฉียวเจิ้นหลีถูกวางลงตรงหน้าฉูเจ๋อหยาง สีหน้าเขาถึงค่อยดีขึ้นหน่อย “คราวนี้เสิ่นลั่งไม่สะทกสะท้านเลย มีใครอยู่เบื้องหลังเขารึเปล่า ผมรู้สึกว่าข่าวนี้ได้รับมาง่ายเกินไป” เฉียวเจิ้นหลีพูดถึงข้อกังขาของตนเอง ถึงแม้ว่าเขาอย่างจะป่าวประกาศร้องว่านี่เป็นผลงานของเขา ฉูเจ๋อหยางเหลือบมองที่อยู่ตรงด้านบน ก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย “คิดเอาไว้แล้ว! ช่วงนี้คุณคอยจับตาดูว่าหนานเทียนหยางติดต่อกับใคร”
copy right hot novel pub