โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่458 ไม่เจอกันเสียนาน

บทที่458 ไม่เจอกันเสียนาน

ประตูลับถูกเปิดออก ด้านหลังประตูซึ่งไม่มีอะไรสะดุดตา มันเป็นกลับเป็นออฟฟิตที่ประดับตกแต่งอย่างงดงาม

เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เสิ่นลังก็นั่งเอนหลังลงไปอีกเล็กน้อย

ลิ่วเอ่อร์เปลี่ยนจากอ่อนโยนต่อหน้าหนานฉิงและหนานเทียนหยาง สายตาถมึงทึงจับจ้องไปที่เสิ่นลั่ง “คุณเสิ่น ไม่เจอกันเสียนาน!”

“ไม่เจอกันนาน คุณลิ่วเอ่อร์ก็ยังเจ้าชู้เสเพลไม่เปลี่ยนเลยนะ” เสิ่นลั่งหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงประชดประชันอย่างไม่เคยได้ยินมาก่อน

ลิ่วเอ่อร์ถูกยั่วโทสะ

ก่อนหน้านี้ก็ยังสาบถสาบานอย่างกระตือรือร้นต่อหน้าเสิ่นชีชี ตอนนี้ก็มาตามหนานฉิงต้อยๆ แน่นอนว่าเสิ่นลั่งต้องไม่ชอบใจแน่

แม้ว่าเขาจะรู้ไส้รู้พุงลิ่วเอ่อร์ดี

ลิ่วเอ่อร์พ่นลม ไม่ต้องรอให้คนเชื้อเชิญ เขานั่งลงบนโซฟา “สู้คุณเสิ่นไม่ได้หรอกได้รับการบำรุงอยู่ทุกวัน”

เสิ่นลั่งเลิกคิ้วขึ้นไม่พูดว่าอะไร

“ไม่ทราบว่าคุณเสิ่นเรียกผมมาวันนี้มีเรื่องอะไร” ลิ่วเอ่อร์จุดบุหรี่ เปลวไฟปรากฏที่ปลายมวนบุหรี่ รอยแผลเป็นบนใบหน้าเห็นเด่นชัดขึ้นด้วยแสงอันริบหรี่นั้น

เสิ่นลั่งลุกขึ้นยืน “ผมรู้ว่าคุณอยากจะไปให้พ้นจากสภาพในตอนนี้”

ลิ่วเอ่อร์นิ่งไปชั่วขณะ

เสิ่นลั่งเดินเข้าหา “มันจำเป็นที่ต้องส่งตัวคุณให้หนานเทียนหยาง สถานการณ์ในตอนนั้นมีแค่หนานเทียนหยางเท่านั้นที่จะช่วยพาคุณออกไปได้”

เสิ่นลั่งปฏิบัติกับผู้อื่นด้วยความจริงใจ แต่เขากลับได้รับแค่เพียงการแสยะยิ้ม

ตระกูลเสิ่นมีอิทธิพลมากแค่ไหน ตอนที่เขาร่วมงานกับเสิ่นลั่งก็สามารถรู้ได้ การที่จะพาเขาหนี ทำไมจะทำไม่ได้

น่าจะเพราะรักษาหน้าตาตัวเองมากกว่า กลัวว่าคนอื่นจะสืบสาวราวเรื่องได้

เสิ่นลั่งไม่ได้สนใจท่าทีของเขา “ผมเซ็นสัญญากับประธานว่านแล้ว วันส่งมอบสินค้าคือวันที่สิบหกเดือนนี้ ถ้าล็อตนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ผมจะช่วยคุณให้พ้นจากหนานเทียนหยาง”

“หืม เท่าที่ผมทราบมา คุณเสิ่นไม่เคยทำการค้าแล้วขาดทุนมาก่อน”

“แน่นอน ว่านี่ต้องมีเงื่อนไข” เสิ่นลั่งยืดคอของเขาขึ้น

ลิ่วเอ่อร์หรี่ตาลง

“ในมือหนานเทียนหยางมีเอกสารฉบับหนึ่ง ผมต้องการให้คุณเอามาให้ผมก่อนวันที่สิบหก” เสิ่นลั่งเผยออกมา

รูม่านตาลิ่วเอ่อร์หดตัวลงอย่างรวดเร็ว

คนที่รู้ความลับมากเกินไป สุดท้ายแล้วย่อมไม่ตายดี

เสิ่นลั่งจะมาใจดีบอกความลับของตระกูลเสิ่นกับเขารึ

ดูเหมือนว่าสายตาเขาจะระแวดระวังมากเกินไป จนทำให้เสิ่นลั่งหัวร่อออกมาเสียงดังสนั่น “ว่าไง ไม่กล้ารึ”

ลิ่วเอ่อร์มองไปยังฝ่ายตรงข้าม รอยแผลเป็นพาดผ่านใบหน้า ไปยังหางตา สายตาจับจ้องไปที่เขาด้วยความสงสัยและประหลาดใจราวกับว่าจ้องแล้วจะสามารถล้วงเข้าถึงความคิดลึกๆข้างในของเขาได้

ชั่วขณะหนึ่งที่บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบงัน

ราวกับว่าผ่านไปนานมากถึงจะได้ยินเสียงลิ่วเอ่อร์เอ่ยขึ้นงึมๆงำๆ “ผมต้องการยี่สิบล้าน โอนเข้าบัญชีโดยตรง อีกอย่าง หลังจากเสร็จเรื่องแล้วต้องพาผมออกนอกเมืองจิ่นอันโดยทันที”

“ห๊ะ แล้วคุณไม่แก้แค้นฉูเจ๋อหยางแล้วรึ” นัยน์ตาเสิ่นลั่งมีความประหลาดใจ เสิ่นลั่งรู้ดีว่าเขาหมกมุ่นกับการแก้แค้นฉูเจ๋อหยางมากแค่ไหน

ลิ่วเอ่อร์หรี่ตาลง “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ!”

เสิ่นลั่งหยุดคิดเล็กน้อย “ได้ เป็นอันตกลง!”

เขายื่นมือออก ที่เป็นครั้งแรกที่เขาปฏิบัติต่อชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเท่าเทียม “ยินดีที่ได้ร่วมงาน”

“ยินดีที่ได้ร่วมงาน!”

ลิ่วเอ่อร์เดินลงมาข้างล่างเงียบๆ หนานฉิงยังคงเต้นเลื้อยอยู่บนฟลอร์ เขาดื่มเหล้าไปเรื่อย คิดถึงคำพูดของเสิ่นลั่งว่าจริงแท้แค่ไหน

บริเวณขอมีลมหายใจอุ่นๆพ่นเข้ามา ยื่นมือไปทางด้านหลังอย่างเฉียบคม คว้าไปที่คอของฝ่ายตรงข้ามอย่างแม่นยำ

“อ๊ะ คุณทำอะไรน่ะ” หนานฉิงผงะ เธอถลึงตาโตใส่เขาก่อนจะกลอกตาผ่านไป

ทันใดนั้นสายตาอันดุร้ายของลิ่วเอ่อร์ก็เปลี่ยนไป มือเขาผ่อนคลายลง

หนานฉิงเหยียดขายาวไปที่เขาซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “เฮ่อ หลายวันนี้ฉันเห็นว่าคุณก็ไม่เลวนะ ไม่คิดเลยว่าจะกล้าทำร้ายร่างกายฉัน ลิ่วจื่อ ใครทำให้คุณใจกล้าบ้าบิ่นได้ขนาดนี้นะ”

“ขอโทษครับคุณหนูหนาน นี่เป็นแค่ปฏิกิริยาป้องกันตัวเท่านั้น” เลิ่วเอ่อร์เลิกคิ้ว ขอโทษแต่โดยดี

จริงๆแล้วหนานฉิงก็ไม่ได้โกรธอะไร

ลิ่วเอ่อร์พุ่งตัวเข้าใกล้ “คุณหนูหนานไม่คิดว่าแบบนี้ผมจะยิ่งปกป้องคุณหนูหนานได้ดีอย่างนั้นรึ”

หนานฉิงพ่นลมออกจมูก เห็นด้วยอย่างไม่เต็มในนัก

ลิ่วเอ่อร์ยิ้ม ผู้หญิงคนนี้เมื่อเทียบกับเสิ่นชีชีแล้ว คาดว่าน่าจะไม่ได้ฉลาดอะไรมากมายนัก

….

“ระดับการบริโภคของย่านธุรกิจนี้ค่อนข้างสูง ผมคิดว่าเราควรจะเลือกสินค้าที่จะทำไปให้ทดลองใช้มากกว่าที่จะให้ลองทั้งหมด อีกอย่าง…” หลี่จื่อเชียนสวมชุดสูท ยืนอยู่หน้าโปรเจ็คเตอร์ขณะที่ประชุมหารือ

ชายด้านล่างฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ผู้หญิงก็จ้องหลี่จื่อเชียนตาแป๋ว

หลังจากที่ประชุมเสร็จ คนในห้องประชุมก็หลั่งไหลกันออกมาเหมือนฝูงปลา

สาวสวยในชุดสูทเดินตามติดด้านหลังเขาอย่างมืออาชีพ

พอทุกคนหายกันไปหมดแล้ว สาวคนสวยก็เรียกหลี่จื่อเชียน “ผู้อำนวยการหลี่ ปรับตัวกับบริษัทได้รึยังคะ”

หลี่จื่อเชียนเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย “ได้อยู่”

“ถ้างั้นตอนบ่ายไปทานข้าวกันนะคะ คุณอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว ยังไม่เคยได้ไปทานข้าวด้วยกันเลย” สาวสวยคนนั้นเอ่ยปากชวน

หลี่จื่อเชียนคิดอยู่พักหนึ่ง “ก็ดี เชิญทุกคนไปด้วยกันถือเป็นการขอบคุณที่ช่วงนี้ช่วยกันดูแลผม บ่ายนี้นะ ผมเลี้ยงเอง”

สีหน้าของหญิงสาวในชุดสูทแข็งทื่อในทันใด

เธอยิ้มฮ่าฮ่า “...ค่ะ ฉันจะบอกทุกคนให้ทราบ”

หลี่จื่อเชียนพยักหน้า

สาวสวยทำปากจู๋และรีบเดินออกไป

ตอนบ่าย ข่าวที่ว่าผู้อำนวยการหลี่จะเลี้ยงข้าวก็ได้กระจายออกไป

ณ ร้านอาหาร รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยของหลี่จื่อเชียน หัวหน้าหลินวี่ถือแก้วไวน์เพื่อจะดื่มให้แก่หลี่จื่อเชียน “ผู้จัดการจ้าวเย็นชาอย่างกับอะไรดี เพิ่งเคยเห็นเธอเอาอกเอาใจผู้ชายแบบนี้ ว่าไง คนสวยจ้องแล้วนะ สนใจรึเปล่า”

“ขอโทษ ไม่สนใจ” หลี่จื่อเชียนเบ้ปาก หลินวี่ส่ายหัว “แกนะ สมัยเรียนหนังสือก็ไม่คบสาวเลยซักคน เลยไม่รู้ไง ผู้หญิงน่ะ น่ารักน่าถะนุถนอมที่สุดในโลกแล้ว อดใจไว้ได้ไง…” “ฮัลโหล เวยเวย มาถึงรึยัง” หลี่จื่อเชียนยิ้มเป็นการขอโทษหลินวี่ก่อนจะรับโทรศัพท์ เป้ยฉ่ายเวยลงจากแท็กซี่ เธอจัดระเบียบเสื้อผ้าบนร่างกาย “อื้อ เพิ่งลงจากรถ” “โอเค เดี๋ยวผมออกไปรับนะ” หลี่จื่อเชียนพูดไปยิ้มไป วางสายไป หลินวี่สบตาเขา “ไปรับรึ เมื่อกี๊คุณคุยกับใครน่ะ” “คู่หมั้นของผม อีกสักครู่ผมจะแนะนำให้ทุกคนรู้จัก” หลี่จื่อเชียนเอ่ยปาก บริษัทของหลินวี่ไม่ได้ใหญ่โต แต่หลังจากที่เข้ามาทำงานที่บริษัท สาวโสดหลายคนก็พากันแตกตื่นเหมือนสุนักจิ้งจอกที่เพิ่งจะค้นพบเค้กก้อนโต ยิ่งตัวรุ่นพี่เองก็เจ้าชู้ใช่ย่อย เพื่อที่จะสยบข่าวลือ หลี่จื่อเชียนจึงได้พาเป้ยฉ่ายเวยมางานนี้ด้วย แต่ว่าการตัดสินใจนั้นฉุกละหุก เวลาค่อนข้างเร่งด่วน จึงทำให้ไปรับเธอไม่ทัน หลี่จื่อเชียนลงมาชั้นล่างก็พบเป้ยฉ่ายเวยในไม่ช้า “เวยเวย ทางนี้” เขากวักมือ หลี่จื่อเชียนพูดด้วยสีหน้าเบิกบาน เป้ยฉ่ายเวยเตรียมตัวเอาไว้แล้ว วันนี้จึงแต่งตัวดี ดูสดใสสวยงาม โดดเด่นน่ามอง ผู้คนรอบๆต่างพากันมองมา เป้ยฉ่ายเวยยื่นแขนโบกตอบรับหลี่จื่อเชียน

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์