บทที่460 มะเร็งสมอง
ทั้งสองสบตากัน จนในที่สุดเป้ยฉ่ายเวยก็ออกปาก “รับเถอะ อาจจะมีเรื่องอะไรสำคัญก็ได้”
สายตาหลี่จื่อเชียนเจ็บแปลบ
เขากลัวว่าจะมีเรื่องด่วนอะไร ทำให้การจดทะเบียนวันนี้ต้องเลื่อนออกไป
ในที่สุด เขาก็ต้องรับสายอยู่ดี น้ำเสียงนั้นตึงเครียด
“ฮัลโหล” เสียงของหลี่จื่อเชียนพูดไปอย่างเบื่อหน่าย
เสียงคนในสายพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป้ยฉ่ายเวยยังไม่ทันฟังให้ชัดๆ รถก็หยุดลงกะทันหัน
“ห๊ะ---”
เสียงเบรคอย่างกะทันหันทำเอาคนตกอกตกใจ
เป้ยฉ่ายเวยขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ร่างถูกดึงรั้งไปด้านหน้าตามแรงเฉื่อยก่อนจะเด้งกลับสู่ด้านหลัง
สมองรู้สึกวิงเวียน
แต่ว่าตอนนี้เธอเป็นห่วงหลี่จื่อเชียนมากกว่า
เธอหันไปมอง เห็นหลี่จื่อเชียนมีเหงื่อเย็นวาบปรากฏอยู่บนหน้าผาก ใบหน้าทั้งหมดดูซีดเซียว
เป้ยฉ่ายเวยตกใจ “จื่อเชียน เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
สายโทรศัพท์ได้วางไปแล้ว หลี่จื่อเชียนตาแดงก่ำ โทรศัพท์หลุดออกจากมือโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“เวยเวย แม่ผมเกิดเรื่อง” เขาพยายามคุมสติเอาไว้
เรื่องการจดทะเบียนไม่อาจไปต่อได้ด้วยสถานการณ์อันไม่คาดคิด ไม่กี่วินาทีก่อนที่รถตำรวจจะวิ่งผ่านมา ติดตามมาด้วยรถพยาบาลอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปิดด้วยรถตำรวจอีกครั้ง
เป้ยฉ่ายเวยกุมมือเขาเอาไว้ เธอมองดูหน้าอันขาวซีดและอ่อนแอของหลี่จื่อเชียน “ไม่เป็นไร จะต้องไม่เป็นอะไร จื่อเชียน คุณต้องเชื่อมือหมอ คุณป้าจะต้องไม่เป็นอะไร”
หลี่จื่อเชียนกัดฟัน เขาไม่พูดอะไร
คุณพ่อหลี่โทรศัพท์มา บอกว่าแม่ของเขาตอนเช้าตรู่ออกไปรดน้ำต้นไม้อยู่ๆก็เป็นลมล้มไปในสวน
เช้าพอไปส่งถึงโรงพยาบาล ผลการตรวจของแพทย์ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด แต่ว่าหมอก็ได้ข้อสรุปเบื้องต้น ว่าอาจจะเป็นมะเร็งที่สมอง
ใจหลี่จื่อเชียนเป็นกังวล ทุกเรื่องราวก่อนหน้าลืมหายไปจนหมดสิ้น เหลือคิดแค่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
นั่นก็คือการที่จะต้องได้เจอคุณแม่หลี่ตอนนี้
รถไปถึงทางเข้าโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้ลงจากรถ แต่เธอพูดกับหลี่จื่อเชียนว่า “คุณลุงกับคุณป้าคงไม่อยากเห็นหน้าฉัน ฉันไม่เข้าไปนะ คุณเข้าไปคุยกับคุณลุงคุณป้าดีๆ ไว้รอให้คุณป้าดีขึ้นหน่วยแล้วฉันค่อยมาช่วยดูแล”
หลี่จื่อเชียนรู้ว่าเธอเป็นห่วงเรื่องอะไร เมื่อคิดถึงว่าวันนี้กว่าพวกเขาจะได้ไปจดทะเบียนกันได้ ความรู้สึกต่างๆก็ประดังกันเข้ามา
เขาโน้มตัวเข้าหาใบหน้าของเธอและประทับจูบลง และพูดกับเป้ยฉ่ายเวยอย่างลูกผู้ชาย “เวยเวย รอผม ผมจะรีบกลับมา”
เป้ยฉ่ายเวยยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหลบตาพร้อมพยักหน้า “ได้”
หลี่จื่อเชียนมองเธออย่างอาลัยอาวรณ์และเหินลงรถไปอย่างรวดเร็ว
เป้ยฉ่ายเวยขับรถของเขากลับไป
ที่โรงพยาบาล
ตอนที่เขามาถึงห้องผู้ป่วย เขาเห็นคุณพ่อหลี่เดินไปเดินมาอยู่หน้าประตู
คุณพ่อหลี่เป็นนักธุรกิจซึ่งประสบความสำเร็จ แต่ไหนมาก็กล้าเผชิญหน้าทุกเรื่องอยู่เสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่จื่อเชียนเห็นเขาเป็นเช่นนี้
ที่จริงแล้วตอนแรกเขาก็ยังนึกสงสัยถึงอาการป่วยของคุณแม่หลี่อยู่ แต่ในที่สุดความเคลือบแคลงนั้นก็ปลิวหายไป
“พี่จื่อเชียน ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว!” ที่ขอบตาเสี่ยวหย่ามีหยดน้ำตาตั้งแต่ที่เห็นหลี่จื่อเชียนวินาทีแรก
คุณพ่อหลี่หันไป สายตาทั้งเป็นห่วงทั้งโล่งใจ แต่เมื่อหลี่จื่อเชียนมองไป เขาก็รีบเก็บความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้
หลี่จื่อเชียนรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง
“พ่อครับ แม่เป็นยังไงบ้าง” เขาก้าวขึ้นหน้าไปถาม
คุณพ่อหลี่เย้ยหยันอย่างไม่มีเหตุมีผล
เสี่ยวหย่าบีบน้ำตา พร้อมกับก้าวเข้าไปในวง “คุุณป้ากำลังทำการตรวจอยู่ด้านใน ตอนนี้ยังไม่ฟื้นขึ้นมา คุณหมอบอกให้พวกเราเตรียมใจไว้บ้าง ตามผลที่แสดงออกมาให้เห็นในตอนนี้ มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นมะเร็งที่สมอง”
สีหน้าคุณพ่อหลี่เออ ออไปตามคำพูดเธอ ก่อนจะห่อเหี่ยวลงอีกครั้ง
สีหน้าหลี่จื่อเชียนก็หมองหม่นลงในทันที
เสี่ยวหย่ากัดริมฝีปาก “พี่จื่อเชียน พี่อย่าเพิ่งกังวล การวินิจฉัยของคุณหมอก็ยังไม่แน่ชัด พวกเรารอให้คุณป้ากลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากันดีกว่า”
เขาพยักหน้า ใจหนักอึ้ง ไม่รู้จะพูดว่าอะไร
เสี่ยวหย่ากัดริมฝีปาก ก่อนจะกระซิบ “พี่จื่อเชียน คุณเป้ยไม่ได้มากับพี่หรอ”
หลี่จื่อเชียนหันไปเหลือบมองเธอครู่หนึ่งก่อนจะมองเลยไป
ใจเธอเต้นรัว รีบโค้งศีรษะอย่างรวดเร็ว “พี่จื่อเชียนอย่าเข้าใจผิด ฉันแค่เป็นห่วงว่าเผื่อเดี๋ยวคุณป้าตื่นมาแล้วเห็นคุณเป้ยล่ะก็ คุณป้าอาจจะโมโหได้ พี่ช่วยให้คุณเป้ยอย่าเพิ่งมาที่โรงพยาบาลก่อนได้มั๊ย”
“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื่อสักครู่หล่อนกลับไปแล้ว” หลี่จื่อเชียนพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ
คุณพ่อหลี่หรี่ตา “ทำหน้าอะไรอย่างนั้น เสี่ยวหย่าหลายวันมานี้ค่อยดูแลอยู่เป็นเพื่อนแม่แก ยังกตัญญูรู้คุณกว่าลูกชายแท้ๆเสียอีก ยังจะกล้าชักสีหน้าใส่น้องอีก!”
หลี่จื่อเชียนหันหน้าไป ไม่สนใจเขา
สายตาเสี่ยวหย่าเต็มไปด้วยความเย็นชา
รอให้คุณแม่หลี่ฟื้นขึ้นมาก่อนเถอะ ทั้งสามคนรอพร้อมกันอยู่ที่ด้านนอกแล้ว
ณ ขณะนั้น ข่าวไม่สู้ดีก็แว่วมาอีกทาง
“ขอโทษครับ คุณหลี่ หลังจากที่ได้รับการยืนยันจากหลายด้าน อาการของคุณผู้หญิง สามารถยืนยันได้อย่างเป็นทางการแล้วว่าเป็นเนื้องอกที่สมอง แต่ว่ายังเคราะห์ดี ที่เนื้องอกชนิดนี้ไม่เป็นอันตราย” หมอบอกกล่าวกับคนทั้งสอง
หลี่จื่อเชียนโล่งอก
สีหน้าคุณพ่อหลี่ก็คลายกังวล ความเครียดที่สะสมมาตั้งแต่เช้าตอนนี้ก็ค่อยผ่อนคลายลง
คุณพ่อหลี่ให้คนไปจัดการเรื่องขั้นตอนต่างๆ จากนั้นเขาและหลี่จื่อเชียนก็เข้าไปเยี่ยมคุณแม่หลี่ เสี่ยวหย่าถือโอกาสออกไปสั่งชุดอาหารเช้าให้คุณแม่หลี่ เธอโทรไปสั่ง
เช้านี้เป้ยฉ่ายเวยเตรียมการที่จะไปจดทะเบียนสมรสกับหลี่จื่อเชียน แต่ว่าตอนนี้หลี่จื่อเชียนมีธุระแล้วเธอก็กลับไปได้
เมื่อผ่านซูเปอร์มาร์เก็ตระหว่างทางเธอก็อยากแวะซื้อของใช้จำเป็นเสียหน่อย เป้ยฉ่ายเวยลงจากรถกะว่าจะซื้ออะไรกลับไป
เมื่อรถจอดตรงสี่แยก พอจะเร่งความเร็ว เธอก็สังเกตเห็นว่าที่ด้านหลังมีรถอยู่คันหนึ่ง
ตอนนั้นเธอก็ไม่ได้คิดอะไร จนถึงตอนนี้ที่เธอลงจากรถ เธอก็เห็นว่ารถคันนั้นก็เข้ามาจอดเหมือนกัน เป้ยฉ่ายเวยใจคอไม่ดี รู้สึกเหมือนว่ากำลังจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่าง เธอมองย้อนไปทางด้านหลังอย่างระแวดระวัง แต่ก็ดูเหมือนว่ารถคันนั้นจะแค่บังเอิญจอดตรงนั้นเพียงเท่านั้น คนขับโยนขวดน้ำจากหน้าต่างรถลงในถังขยะเสร็จแล้ว รถคันนั้นก็ขับออกไปเป้ยฉ่ายเวยโล่งอก ยังหัวเราะตัวเองที่ขี้ตกใจไปได้ เธอมีค่าอะไรจะให้คนอื่นมาคอยสะกดรอยตามรึไง จะว่าไป--- เมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นคนเสียงดังจอแจ ฟ้าแจ้งกลางวันแสกๆ คนไม่มีใครคิดทำอะไรฝ่าฝืนกฎหมายหรอก อย่างน้อยก็ไม่น่าจะเลือกที่นี่ เป้ยฉ่ายเวยวางใจดังนั้นจึงมั่นใจและเข้าไปเลือกซื้อของ แต่รถคันนั้นเมื่อขับผ่านไปแล้ว สักพักก็ขับกลับมาอีกเงียบๆ ชายคนขับรถใส่แว่นตา แสงสะท้อนให้เห็นรังสีอันเย็นยะเยือกทางด้านหลัง ราวกับเป็นหมาป่าล่าเนื้อ สิบนาทีผ่านไป เป้ยฉ่ายเวยออกมาพร้อมของเต็มรถเข็น จากนั้นเธอก็ขับรถหลี่จื่อเชียนกลับไป ที่พักของหลี่จื่อเชียนอยู่ในชุมชนระดับสูง ล้อมรอบไปด้วยทุ่มเขียวขจี ค่อนข้างสงบเงียบ บริเวณด้านหน้าเป็นถนนเล็กๆเส้นหนึ่ง มันไม่ได้ถูกใช้เป็นถนนสำหรับทำการค้าอีกต่อไป ฉะนั้นในตอนนี้ แทบจะไม่มีคนเลย “ปี๊น” “ปัง--”
copy right hot novel pub