บทที่461 ไข่ในหิน
เป้ยฉ่ายเวยวิงเวียนมึนงง สายตาพร่ามัว รถถูกชนถูกบีบให้หยุดลง กระจกด้านหน้าแตกร้าวมองเห็นเป็นใยแมงมุม
ระหว่างที่ภาพกำลังเบลอๆอยู่นั้น ราวกับว่าเห็นหลายคนลงมาจากรถคันหนึ่ง และเดินมุ่งมายังทิศทางของเธอ
รถคันนั้น คือรถคันที่เธอสังเกตเห็นก่อนหน้า
เปลือกตาเธอยกแทบไม่ขึ้น เห็นคนที่ด้านนอกมือเท้าปิดประตูอย่างกระฉับกระเฉง หลังจากนั้นเป้ยฉ่ายเวยก็เป็นลมหมดสติไป
จากนั้นไม่นาน รถตู้คันหนึ่งก็ขับผ่านไป
มันขับไปด้วยความเร่งรีบ ไม่ได้สังเกตเห็นบ้านที่ซ่อนอยู่ทางด้านหลังไม่ไกล รถสีดำคันหนึ่งจอดซ่อนอยู่ใต้ร่มไม้ ขับออกติดตามไปอย่างรวดเร็ว
“หัวหน้า เกิดเรื่องแล้ว คุณเป้ยถูกคนจับตัวไปแล้ว!” ในขณะเดียวกันนั้น สายด่วนก็โทรตรงหามือถือเจี่ยงเสี่ยวเล่อ
เรื่องเป้ยฉ่ายเวยอาจเป็นเรื่องสำคัญยิ่งใหญ่ที่สุด
เจี่ยงเสี่ยวเล่อไม่กล้ารอช้า เขารีบโทรหาฉูเจ๋อหยาง
ที่ออฟฟิต หนานฉิงช่วงนี้เชื่อฟังหนานเทียนหยางมารายงานตัวกับเขาทุกวัน เธอยังคงเกาะติดฉูเจ๋อหยางไม่เลิกรา ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
เมื่อเขาได้รับสายจากเจี่ยงเสี่ยวเล่อ หน้าผากก็ปรากฏเหงื่อเย็นวาบ ไม่มีเวลาคิดหน้าคิดหลัง เขาก็รีบหยิบเสื้อคลุมและเดินออกไป
“อาเจ๋อ คุณจะไปไหน” หนานฉิงขมวดคิ้ว เธอเคลื่อนตัวไปขวางทางไว้
ฉูเจ๋อหยางผลักคนให้หลบไป โดยไม่สนใจมองเธอสักนิด
“พี่ใหญ่ คุณเป้ยเพิ่งจะประสบอุบัติเหตุ ดูเหมือนว่าจะหมดสติไป”
เขาพูดอยู่ข้างๆเธอ เธอได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์นั้นอย่างชัดเจน
หนานฉิงกัดฟัน เป้ยฉ่ายเวย เป้ยฉ่ายเวยนังตัวแสบนั่นอีกแล้ว!
รอก่อนเถอะ เธอจะไม่ปล่อยหล่อนเอาไว้แน่!
เป้ยฉ่ายเวยถูกปลุกให้ตื่นต้นเสียงเอะอะโวยวายด้านนอก ทันใดนั้นกลิ่นเหม็นก็ลอยมาเตะจมูกเธอเข้า
เป้ยฉ่ายเวยขมวดคิ้ว หน้าซีดๆยู่ยี่ลงในทันที
หน้าผากรู้สึกเจ็บ แค่แตะเบาๆ ก็เจ็บจนยิงฟัน
เธอค่อยๆลืมตาขึ้น หันหน้าและมองไปรอบๆ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ
เธอไม่รู้ว่าที่รกร้างว่างเปล่านี้คือที่ไหน กองรถเก่าที่ทรุดโทรมถูกทิ้งกองไว้ที่นี่ ลมโชยฝนสาดทำให้เกิดเป็นสนิม
ไม่รู้ว่ากลิ่นเหม็นโชยมาจากที่ไหน เมื่อรวมกับกลิ่นเหม็นของสนิมเข้าไป ช่างน่าสะอิดสะเอียนนัก
“นังผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ตื่นแล้วรึยัง กูจะไปดูหน่อย” จากนั้น ก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังเล็ดลอดออกมา ชายหนุ่มเสียงดุร้ายก็สั่นอย่างรุนแรง
เป้ยฉ่ายเวยตกใจหันไปมองอย่างขวัญหนีดีฝ่อ
ราวกับว่าชายคนนั้นไม่คาดคิดว่าเธอจะฟื้นเร็วเช่นนี้ คิ้วดำหนาของเขายกชูขึ้น พร้อมกับพูดออกไป “โย่ ฟื้นแล้ว!”
“พวกแกเป็นใคร” เป้ยฉ่ายเวยเตรียมก้าวถอยหลัง สายตาจับจ้องไปยังข้างหน้า
ชายคนนั้นแสยะยิ้ม เผยให้เห็นฟันเหลืองอร่าม และยังดูเหมือนจะมีกลิ่นปากอีกด้วย
เป้ยฉ่ายเวยรู้ว่าตอนนี้เธอควรที่จะตั้งสติใจเย็นๆ แต่ว่าใครกันบนโลกนี้ที่ถูกลักพาตัวไปแล้วจะสงบสติอารมณ์ตัวเองได้
ชายคนนั้นไม่รีบร้อน สองมือทาบหน้าอก ยึดที่มั่นและมองไปยังเป้ยฉ่ายเวย “พวกกูเป็นใครมึงไม่ต้องสนใจหรอก ยังไงก็ไม่ใช่คนดีแน่นอน!”
สีหน้าเป้ยฉ่ายเวยเปลี่ยนไป เธอทั้งตกใจและสงสัย จึงกัดฟันถาม “ใครส่งพวกแกมา หนานฉิงรึ”
“หนานฉิง ลูกสาวของรองผู้อำนวยการน่ะรึ” ชายคนนั้นเลิกคิ้ว ราวกับว่าเพิ่งจะเคยได้ยินชื่ออันยิ่งใหญ่ของหนานฉิง มุมปากอันชั่วร้ายยกขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ดูเหมือนศัตรูมึงจะมีมากกว่าหนึ่งคนสินะ นั่นยิ่งดี ภาพคราวนี้ถ่ายเสร็จ กูจะได้ขายได้เยอะเลย ไม่เลวเลย ไม่เลว!”
ชายคนนั้นหัวเราะร่า เขามองเป้ยฉ่ายเวยราวกับว่าเธอเป็นเหมือนแกะตัวใหญ่ที่สามารถขายได้ราคาดี ก้อนเนื้อบนใบหน้าเต่งตึงขึ้นมา ช่างมีความสุขนัก
หน้าเป้ยฉ่ายเวยขาวซีด
“พวกแก….จะทำอะไร”
พูดไปก็ก้าวถอยหลังไป ในสมองเธอรู้ดีว่าพวกเขาพูดถึงรูปถ่ายประเภทไหน
วิธีที่จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสื่อมเสียชื่อเสียงย่อยยับได้อย่างรวดเร็วที่สุด ไม่มีอะไรแย่ไปกว่า….
ถ่ายภาพพวกนั้น
คนคนนั้นเห็นเธอยืนขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ ดวงตาเขาเบิกบาน “ดูเหมือนว่ามึงจะมีแรงเหลืออยู่บ้างนะ ดีเลย พี่น้องเราจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
“พี่น้องเรา นังนี่มันฟื้นแล้วเว้ย รีบมาเร็วเข้า!” ชายฟันเหลืองแผดเสียงดัง หลายคนที่กำลังคุยเล่นกันอยู่ก็ถูกเสียงตะโกนเรียกเข้ามา
เป้ยฉ่ายเวยกลัวและอยากจะวิ่งหนี
แต่ว่าเพิ่งจะประสบกับอุบัติเหตุรถชนมา ร่างกายยังอ่อนแอนัก ในเวลาปกติดีก็คงจะสู้กับพละกำลังของชายสองสามคนไม่ไหวอยู่แล้ว ตอนนี้คงยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เดินไปไม่ถึงสองก้าว เธอก็ถูกล็อคตัวไว้ทางด้านหลัง
“จะหนีไปไหนเล่า เกาะนี้ก็มีแต่พวกกูอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น มึงจะหนีไปไหนได้” ฟันเหลืองยิ้มกว้าง ดูเหมือนจะภูมิอกภูมิใจกับการพยายามดิ้นรนของเธอ
สีหน้าเป้ยฉ่ายเวยซีดขาวเธอถูกคนโยนทิ้งลงบนพื้น
ร่างกระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรงจนเจ็บไปทั้งตัว
“เฮ้ยกูบอกว่าให้มึงเบาๆหน่อยไง สาวสวยบอบบางเนื้อหนังอ่อนนุ่มแบบนี้มึงออกแรงซะ อย่าทำให้มันเจ็บตัวล่ะ” ชายร่างผมสูงก้าวไปข้างหน้า เขาตำหนิเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะโยนเธอลงไปเมื่อสักครู่
ชายคนอื่นพากันหัวเราะดังลั่น “เอาน่ะ ไอ้หนุ่มมันก็ไม่ได้หนักไม่ได้เบา ใครจะเหมือนเฮียเกาเราที่ปฏิบัติกับหญิงอย่างกับไข่ในหินล่ะ”
“เฮียเกา วันนี้ผมให้เฮียเปิดรอบแรกเลย เฮียแสดงให้สุดฝีมือไปเลยนะ!” “เฮียเกาเคยทำให้พวกเราผิดหวังซะที่ไหนล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า…” สีหน้าเป้ยฉ่ายเวยหดหู่ขึ้นเรื่อยๆ เธอตัวสั่นไปทั้งร่าง เธอสั่นหงึกๆในหน้าซีดขาว “พวกแกอยากได้เงินใช่มั๊ย ฉันจะให้เงินพวกแก พวกแกจะเอาเท่าไหร่ ฉันให้พวกแกได้ ปล่อยฉันไปแล้วฉันจะ…” “ได้ คนสวย ถึงมึงจะสวยไม่เบา แต่ว่าเราก็ซื่อสัตย์กับพี่น้องเรา มึงไม่ต้องห่วง ที่พวกกูต้องการก็คือคนของมึง!” ชายคนนั้นหัวเราะร่า ขณะเอ่ยปากดูถูกเหยียดหยามเป้ยฉ่ายเวย เป้ยฉ่ายเวยกำมือและนิ้วแน่น เธอกลัวจนบีบมือไปมา สีหน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดผวา ชายฟันเหลืองคนนั้นไม่พูดอะไรอีกแล้ว เขามองไปที่นาฬิกาข้อมือ ก่อนจะสะบัดแขน “เอาล่ะเอาล่ะ รีบหน่อยของพวกนั้นยกเข้ามา ไม่มีเวลาแล้ว!” ทันที่ที่เสียงจบลง ชายสองคนก็เดินที่ไปซากรถทางด้านหลังและยกเอาเครื่องจักรที่เตรียมไว้เอาเข้ามา อีกคนก็เดินไปทางเป้ยฉ่ายเวยยื่นมือเข้ามา “ปล่อยฉัน...แกปล่อยฉันนะ...อ้า..” เป้ยฉ่ายเวยพยายามเกาะกุมเสื้อผ้าบนร่างกายเอาไว้ เธอกลัวและหวาดผวาจนใจฝ่อ น้ำตาไหลรินนองหน้า แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะยิ่งชอบความรู้สึกของการร้องขอความเมตตา ยิ่งเธอกรีดร้อง คนเหล่านั้นก็ยิ่งตื่นเต้น เป้ยฉ่ายเวยน้ำตาไหลริน ไหลนองอาบเต็มหน้า กำเสื้อผ้าเอาไว้แน่น พร้อมกับร้องลั่น “...อ้า...ออกไป...ไอ้บ้า...ออกไปนะ…” “คนสวย อย่าขัดขืนสิ ให้ความร่วมมือแต่โดยดีจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวมาก ไม่อย่างนั้น พวกกูพี่น้องอาจจะต้องหยาบคายไม่เกรงใจแล้วนะ!” หลายคนพากันขมวดคิ้ว เมื่อถูกเธอเตะไปหลายครั้ง เจ็บจนหลายคนแอบด่าแม่
copy right hot novel pub