บทที่468 ผิดหวัง
หลี่จื่อเชียนรู้สึกปวดใจอยู่บ้าง
เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าคำตอบของเขานั้นทำให้เธอไม่พอใจ แต่ว่าเขาก็ทะเลาะกับพ่อแม่เพื่อเป้ยฉ่ายเวย ถึงขนาดตัดขาด
แต่ว่าเขาก็ไม่สามารถที่จะส่งพ่อแม่ตัวเองไปติดคุกเพื่อเป้ยฉ่ายเวยได้
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ไม่สามารถที่จะให้พ่อแม่ผู้มีเกียรติมีศักดิ์ศรีของตนต้องก้มหัวให้กับเป้ยฉ่ายเวยตลอดทั้งชีวิตได้ นั่นเป็นศักดิ์ศรีตลอดทั้งชีวิต
หลี่จื่อเชียนลูบหน้าเธอ “เวยเวย ผมรู้ว่าเรื่องนี้เขาทำผิดต่อคุณ แต่ว่าผมก็อับจนหนทาง คุณสำคัญกับผมมาก เขาก็เห็นผมสำคัญกับเขามากเช่นกัน ผมจะหาทางอื่นมาชดเชยให้กับคุณ ต่อไปไม่ว่าคุณอยากได้อะไร ขอแค่ให้ผมสามารถทำได้ ผมก็จะทำให้คุณพอใจ ดีมั๊ย”
“ในเมื่อคุณสำคัญต่อเขามาก แล้วทำไมคุณยังอยู่กับฉันอยู่ล่ะ” เป้ยฉ่ายเวยโพล่งออกมาอย่างไม่ชอบใจ
เธอขึ้นเสียงเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาลง ปล่อยวางความคิดนี้ไป และพูดกับหลี่จื่อเชียนว่า “จื่อเชียน ฉันรู้ว่าคุณและเธอมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกัน ตั้งแต่เด็กจนโต แต่ว่า ถ้าพวกคุณก็มีเรื่องผิดใจกัน ถ้าหากว่าคุณยังตัดเธอไม่ขาดล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็ไปอยู่ด้วยกันเถอะ ฉันไม่ต้องการเป็นส่วนเกินในชีวิตใคร ชีวิตฉันมีเรื่องผิดพลาดมากมายพออยู่แล้ว”
แค่เรื่องหนานฉิง ก็ทำให้เธอเสียใจไปตลอดชีวิตแล้ว
ตอนนี้ยังมีความแค้นของเสี่ยวหย่าอีก ยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าชีวิตเธอช่างย่อยยับนัก
ใช่สวรรค์ลงโทษเธอรึเปล่า ถึงได้เป็นพล็อตเรื่องเดิมๆ หนานฉิงและฉูเจ๋อหยาง เสี่ยวหย่าและหลี่จื่อเชียน เขาก็คู่กันอยู่ดีๆมาโดยตลอด เธอต่างหากที่เป็นตัวละครที่ไม่ควรมีอยู่ ไปทำลายความสุขของพวกเขา จึงได้ถูกฟ้าดินลงโทษอยู่แบบนี้น่ะ
หลี่จื่อเชียนฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ เหมือนว่าเธอกำลังพูดถึงเสี่ยวหย่าอยู่ เขาจึงขมวดคิ้วขึ้น “เวยเวย คุณเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า ผม…”
“ไม่ได้เข้าใจผิด ทุกสิ่งทุกอย่างฉันรู้หมดเปลือกแล้ว” เป้ยฉ่ายเวยเอ่ยปาก
“แต่ว่า…”
“อาการบาดเจ็บยังไม่หายดี มายืนตากแดดอย่างนี้ได้ยังไง” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว น้ำเสียงเยือกเย็นทำให้บรรยากาศรอบๆหนาวเหน็บไปด้วย
ฉูเจ๋อหยางยืนหัวโด่ยังคงใส่สูทสีดำยืนอยู่ไม่ไกล เขาขมวดคิ้วมองไปทางคนทั้งคู่
เป้ยฉ่ายเวยเข้าใจเขา รู้ว่าเขาต้องไม่ชอบใจอยู่แน่
เป้ยฉ่ายเวยกัดริมฝีปากพร้อมก้าวไปควงแขนเขาไว้ “ไปกันเถอะ เรากลับกัน”
“เวยเวย!” หลี่จื่อเชียนร้องเรียกด้วยสีหน้าไม่ไหวแล้ว
ฝีเท้าเป้ยฉ่ายเวยหยุดลงครู่หนึ่งอย่างไร้เหตุผล
มุมปากหลี่จื่อเชียนโค้งขึ้นอย่างพอใจ
พอกลับไปถึงคฤหาสน์ คราวนี้อวี๋ซือซือไม่ถูกโยนออกไปแล้ว ในที่สุดเธอก็ได้มีโอกาสเห็นคฤหาสน์ลึกลับหลังนี้ซึ่งดูลึกลับในสายตาคนอื่นทั่วไป
ความรู้สึกแรก ใหญ่ดี ความรู้สึกต่อมา หรูหราดี
หลังจากที่อวี๋ซือซือส่งเสียงเหอเหอ เธอดึงเป้ยฉ่ายเวยแอบไปกระซิบ “ฉูเจ๋อหยางไม่ได้เป็นโจรปล้นธนาคารใช่มั๊ย รวยขนาดนี้เลยรึ”
“ได้ยินว่ามันเป็นของตระกูลเขา ฉันเองก็ไม่แน่ใจเท่าไรนัก” เป้ยฉ่ายเวยใจลอย
เห็นเช่นนั้น อวี๋ซือซือก็ขมวดคิ้ว “ยังคิดเรื่องหลี่จื่อเชียนรึ พวกเธอนี่มันยังไงกัน ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามีเรื่องอะไรบางอย่างที่ฉันยังไม่รู้นะ”
เป้ยฉ่ายเวยลังเลอยู่สักพักก่อนจะพูดว่า “เธอก็รู้จักคนทางบ้านของจื่อเชียน ถ้าอย่างนั้นเธอเคยได้ยินว่าหลี่จื่อเชียนมีว่าที่คู่หมั้นอยู่แล้วรึเปล่า”
อวี๋ซือซือครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “ว่าที่คู่หมั้นไม่เคยได้ยินนะ แต่ว่ามีเด็กสาวคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าคุณพ่อหลี่จะชอบใจอยู่ชื่อเสี่ยวหย่า ยังไงฉันก็ไม่รู้ลึก เธอก็รู้ว่าผู้อาวุโสบ้านฉันถือยศถืออย่างแค่ไหน ยังไงซะก็เป็นทหารกล้า ไม่ชอบยื่นจมูกไปยุ่งเรื่องคาวฉาวโฉ่ ฉันก็เลยไม่ค่อยได้รู้เรื่อง”
นอกจากนี้ แม้ว่าครอบครัวหลี่จื่อเชียนจะเป็นตระกูลค้าขาย มีเงินมีเส้นสาย แต่ว่าไม่เหมือนกับบ้านอวี๋ซือซือซึ่งเป็นครอบครัวทางทหาร จริงๆแล้วก็ไม่ได้อยู่ในแวดวงเดียวกัน แน่นอนว่าเธอย่อมไม่ได้รู้ลึก
เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้า ไม่ได้ถามต่ออีก
แต่ว่าเป็นอวี๋ซือซือเองที่ไม่เข้าใจความนัยในคำพูดของเธอ จึงเอ่ยปากถาม “ทำไม อยู่ดีๆหลี่จื่อเชียนก็มีว่าที่คู่หมั้นอะไรโผล่มาหรอ”
เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้า พร้อมลูบไปยังแผลฟกช้ำที่แขน “นี่ก็เป็นผลงานชิ้นเอกของหล่อน”
“ว่าไงนะ!”
อวี๋ซือซือพูดเสียงดังเว่อร์ เหมือนกับมองเห็นเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา
ฉูเจ๋อหยางขมวดคิ้ว รุ่ยรุ่ยก็เบิกตากลมโต
เป้ยฉ่ายเวยกำลังคิดจะอธิบาย แต่เธอเห็นคุณนายฉูเดินเข้ามากล่าวทักทายอย่างสง่างาม
“ในที่สุดก็กลับมาแล้ว รีบมาเร็ว กับข้าวกับปลาเตรียมไว้พร้อมแล้ว” คุณนายฉูยิ้ม ทั้งอบอุ่นและสง่างาม
เป้ยฉ่ายเวยกระพริบตา ไม่ทันได้ลังเล เธอก็ถูกคุณนายฉูลากแขนเข้าประตูไป
“อาเจ๋อบอกว่าหนูเข้าโรงพยาบาล ที่จริงฉันก็อยากไปเยี่ยม แต่ว่าช่วงนี้มีเรื่องนิดหน่อย เลยออกข้างนอกไม่ค่อยสะดวก เลยได้แต่เลื่อนไปเรื่อย จนในที่สุดเธอก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว” คุณนายฉูอธิบาย
เป้ยฉ่ายเวยยิ้ม
เธอไม่ได้ใส่ใจอะไร
ในความรู้สึกของเธอ คุณนายฉูมีมนุษยสัมพันธ์กว่าคุณแม่หลี่มาก และยังให้อิสระเสรีแก่ลูกชายตัวเองมากกว่ามาก ดังนั้นหล่อนถึงได้สุภาพและมีมารยาทต่อเธอ
ถ้าหากว่าจะบอกว่าชอบหล่อนอยู่ไม่น้อย เธอก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน
ดังนั้นคำพูดพวกนี้ช่างฟังถ่อมตน ช่างรื่นหู
ถ้าหากฉูเจ๋อหยางรู้ว่าเธอคิดเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องโห่หาเรื่องแน่
หล่อนไม่ได้ออกไปไหนเลยจริงๆ!
ไม่รู้ว่าหลายวันนี้ใครเอาข่าวที่ว่าเธอมาที่เมืองจิ่นอันกระจายออกไป ไม่รู้ว่าวันวันหนึ่งมีคนพากันมาเยี่ยมเยียนกันกี่คน เบื่อจะแย่ จนที่สุดก็เลยบอกเอาว่าป่วยอยู่ เลยพลอยไม่ออกไปไหนด้วย
“ใช่แล้ว เรื่องการผ่าตัดของรุ่ยรุ่ย ที่นั่นให้คนเริ่มเตรียมการเอาไว้แล้ว แค่ว่าตอนนี้ร่างกายรุ่ยรุ่ยผอมเกินไป ต้องบำรุงกันสักหน่อย รอไว้ผ่านไปพักสัก ก็น่าจะดำเนินการได้” ขณะที่คุณนายฉูทานข้าว เธอก็และกุ้งให้รุ่ยรุ่ย อีกทางหนึ่งก็คอยอธิบายเรื่องสภาพร่างกายตอนนี้ของรุ่ยรุ่ยให้เธอฟัง
คุณนายฉูก็เป็นแม่คน ฉะนั้นเธอย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่เธอใส่ใจมากที่สุดนั้นคืออะไร
แน่นอน เป้ยฉ่ายเวยตาเป็นประกาย เธอสนอกสนใจเป็นอย่างมาก
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างฉะฉาน เป้ยฉ่ายเวยอ่านแม้กระทั่งผลตรวจประจำวันของเขาอย่างละเอียดถี่ยิบ
ฉูเจ๋อหยางนั่งอยู่ข้างๆ ไม่พูดอะไร มีปลอกกุ้งส่งไปให้ที่ชามเธอบ้าง แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ แต่ว่าคนที่กำลังโซ้ยข้าวอยู่ตรงหน้าอย่างอวี๋ซือซือ เธอกัดตะเกียบจ้องมองด้วยสายตาแปลกๆ “ใช่แล้วเวยเวย คดีของรุ่ยรุ่ยเมื่อไหร่จะขึ้นศาลนะ” อวี๋ซือซือจ้องเขม็งไปที่ฉูเจ๋อหยาง ฉูเจ๋อหยางขมวดคิ้ว บรรยากาศที่คุณนายฉูเพียรพยายามสร้างมากลับตึงเครียดขึ้นในทันที เป้ยฉ่ายเวยมองเขินๆและมองไปยังรุ่ยรุ่ยด้วยความเป็นห่วง เจ้าตัวแสบหดหัวลง นิ่งเงียบไป “ดูเหมือนว่าที่บ้านถังฉีตงจะไม่ค่อยได้สั่งสอนมานะ” ฉูเจ๋อหยางเปิดปากพูดเนิบๆ อวี๋ซือซืออายจนหน้าแดง พอพูดออกมาเธอก็รู้ว่ามันไม่สมควร แต่ว่าพูดไปแล้วก็เอาคืนกลับมาไม่ได้แล้วป่าวอะ ช่างเถอะ เธอผิดเอง! เป้ยฉ่ายเวยกระแอมขึ้นสองครั้ง เปลี่ยนบรรยากาศ
copy right hot novel pub