โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่469 ยอมรับชะตากรรม

บทที่469 ยอมรับชะตากรรม

เป้ยฉ่ายเวยลูบหัวรุ่ยรุ่ย และพูดอย่างคลุมเครือ “ให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน”

“นี่อร่อยดีนะ เธอลองดูสิ” เธอเอาตะเกียบคีบกับข้าวใส่ลงในชามอวี๋ซือซือ พยายามอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนเรื่องไป

อวี๋ซือซืออ้าปากค้าง คิดอยากจะพูดอะไร แต่เมื่อเห็นสีหน้าเป้ยฉ่ายเวยแล้ว ก็ไม่พูดดีกว่า

ทานข้าวเสร็จ ฉูเจ๋อหยางมีธุระไปที่ห้องหนังสือ เป้ยฉ่ายเวยขอตัวพาอวี๋ซือซือเดินชมคฤหาสน์ เธอรีบพาตัวคนเดินไป

ในสวนดอกไม้ อวี๋ซือซือก็ถามขึ้นมา “เวยเวย ตอนนี้บอกฉันมาได้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ตอนนี้ฉันงงมืดแปดด้านไปหมดแล้ว ทำไมอยู่ๆเธอก็กลับมาอยู่กับฉูเจ๋อหยางล่ะ”

เป้ยฉ่ายเวยกัดริมฝีปาก ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกเธอออกไป

ถ้าหากว่ามีใครบนโลกนี้ที่เธอไว้ใจที่สุดแล้ว อวี๋ซือซือก็เป็นหนึ่งในไม่กี่คนนั้นอย่างแน่นอน

“เพราะอย่างนั้น แม่ว่าที่คู่หมั้นที่เธอเคยเจอไม่กี่ครั้งเองนั่นน่ะหรอที่เป็นคนวางแผนทำร้ายเธอน่ะ” อวี๋ซือซือเบิกตากว้าง

เธอไม่พอใจขึ้นทันที “ผู้ชายนี่รู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ ฉันคิดว่าฉูเจ๋อหยางเป็นหลุมพรางหลุมใหญ่ในชีวิตเธอแล้วนะ ไม่คิดเลยว่าหลี่จื่อเชียนก็เป็นเหมือนกันอีก!”

“ก็โทษเขาเสียทีเดียวไม่ได้ เธอก็บอกเองไม่ใช่หรอ ว่าไม่รู้ว่าเขามีว่าที่คู่หมั้นด้วย ถ้าหากว่าเป็นเพราะว่าพ่อแม่เขาเท่านั้นที่ชอบล่ะ” เป้ยฉ่ายเวยเม้มปาก แก้ตัวให้หลี่จื่อเชียน

อวี๋ซือซือหยีตาลง “เธอตื่นเต้นอะไร ก็ไม่ชอบเขาไม่ใช่หรอ ทำไมอยู่ๆถึงต้องแก้ตัวให้เขาด้วย”

“คงไม่ได้...พอนานวันเข้า ก็อ่อนไหวไปกับความอ่อนโยนของเขาเข้าแล้วนะ” น้ำเสียงของเธอช่างกวนประสาทเสียจริง

เป้ยฉ่ายเวยส่ายหัวอย่างเสียไม่ได้ “ฉันอ่อนไหว อ่อนไหวเธอได้ยินไหม ถามหน่อยมีผู้ชายทำดีกับเธอซะขนาดนั้น เธอจะไม่รู้สึกอ่อนไหวอะไรบ้างหรอ”

“เพราะงั้นเธอก็เลยยินดีมอบกายให้น่ะรึ” อวี๋ซือซือรีบเข้าสู่บทสรุป พร้อมหันไปกระพริบตาปริบๆกับเป้ยฉ่ายเวย

เป้ยฉ่ายเวยใช้มือข้างหนึ่งผลักใบหน้าเพื่อนให้ออกไปให้พ้น “ก่อนนี้ฉันวางแผนจะแต่งงานกับเขา เธอไม่รู้หรือไง วันที่เกิดเรื่องวันนั้น เรากำลังจะไปจดทะเบียนกัน ตอนที่คุณพ่อหลี่โทรศัพท์มาจากที่โรงพยาบาล เราจะไปถึงทางเข้าสำนักงานเขตแล้ว”

“อ้อ...ดูเหมือนสวรรค์จะไม่เป็นใจล่ะสิ แล้วไงต่อ เธอก็ยอมรับชะตากรรม กลับมาทนทุกข์กับฉูเจ๋อหยางอย่างนั้นเรอะ” อวี๋ซือซือถอนใจ ในใจได้แต่คร่ำครวญให้แก่ชะตากรรมอันรันทดของเพื่อนสาว

เป้ยฉ่ายเวยตาลอยๆอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดี ในใจเธอเองก็ยังสับสน

เธอลดศีรษะลง ยื่นมือออกไปหยิบใบไม้หนึ่งใบ เป้ยฉ่ายเวยพูด “ที่จริงตอนนี้ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง ซือซือ สิทธิ์การเลี้ยงดูของรุ่ยรุ่ย ตอนนี้ฉันอับจนหนทางแล้ว”

“ก่อนหน้านี้ถึงแม้จะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่ว่ายังมีจื่อเชียน อย่างน้อยฉันก็พอจะคิดได้ แต่ว่าตอนนี้ ฉันรู้สึกว่าความสามารถฉันมีข้อจำกัดจริงๆ บางทีอาจจะต้องขอโทษรุ่ยรุ่ยแล้วจริงๆ ฉันเองก็ไม่รู้จะบอกกับรุ่ยรุ่ยว่ายังไง ทุกครั้งที่มองเขา ก็ดูเหมือนว่าจะคิดแต่เรื่องที่จะต้องแยกจากกันในอนาคตอยู่ตลอด” เป้ยฉ่ายเวยพูดอย่างหดหู่

เธอทำนายได้ว่ามันต้องเป็นเรื่องยากสำหรับเธอแน่เมื่อมันมาถึงเวลานั้นเข้าจริงๆ

แสงแดดอันอบอุ่นส่งผ่านลงมา มีเงาหนึ่งพาดผ่านมาใต้ผมของเธอ เหมือนกับหมอกควันในใจเธอ ไม่สามารถปัดออกไปได้

อวี๋ซือซือทำอะไรไม่ถูกไม่รู้จะปลอบใจเพื่อนอย่างไร

ที่จริงเธอเองก็รู้ดีว่ารุ่ยรุ่ยมีความสำคัญต่อเป้ยฉ่ายเวยมากแค่ไหน

ว่าผู้ชายอย่างฉูเจ๋อหยาง จะไปโอนอ่อนผ่อนปรนได้ยังไง

อีกอย่างรุ่ยรุ่ยก็เป็นลูกชายของเขาเองแท้ๆ

ต้องดำเนินไปตามขั้นตอนกฎหมายเท่านั้น ด้วยข้อได้เปรียบทุกอย่างของฝ่ายตรงข้าม ดูเหมือนว่าโอกาสที่เธอจะชนะนั้นน้อยมาก

อวี๋ซือซือถอนหายใจ และนั่งลงถัดจากเธอ วางศีรษะลงบนไหล่เธอ “ดันมาเจอคนใจเหี้ยมเข้าอีก เธอคอยดูเถอะ ฉันจะคอยดูว่าแม่เสี่ยวหย่านั่นจะไปสุดถึงขนาดไหน อายุยังน้อยอยู่แท้ๆจิตใจอำมหิตได้ถึงขนาดนี้"

เป้ยฉ่ายเวยเบิกตาโต" เธออย่าทำอะไรบุ่มบ่ามล่ะ!"

"วางใจเถอะ ฉันไม่ได้ทำเพื่อเธอหรอก แต่ทำเพื่อหลี่จื่อเชียนต่างหาก! " อวี๋ซือซือเลิกคิ้ว

เป้ยฉ่ายเวยมองไปที่เธอด้วยความหวาดสยอง

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาแปลกๆที่มองมา อวี๋​ซือ​ซือ​ก็นิ่งไปครู่หนึ่ง มีประกายความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในใจ เธอเกือบจะสำลักน้ำลายตัวเอง “หืม สมองเธอคิดอะไรอยู่ ความหมายของฉันก็คือ ยังไงฉันกับหลี่จื่อเชียนก็นับว่าเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จะปล่อยเห็นเขาจมดับไปกับทะเลอันมืดมนได้ยังไง ผู้หญิงใจดำคนนี้ ไม่คู่ควรกับหลี่จื่อเชียนผู้อ่อนโยนอบอุ่นหรอก ผู้ชายออกจะดีงามขนาดนั้น ฉันไม่ยอมให้เขาต้องตกอยู่ในกรงเล็บของปีศาจหรอก"

เป้ยฉ่ายเวยเอามือลูบอกเบาๆ “ฉันตกใจแทบแย่ นึกว่าเธอเปลี่ยนใจซะแล้ว เมื่อกี๊ยังคิดอยู่เลยว่าจะบอกอีตาถังเรื่องนี้ดีมั๊ย”

“พูดบ้าถึงเขาทำไม เจ้จะชอบใครมันก็เรื่องของเจ้ ถังฉีตงกล้าหือที่ไหน!” อวี๋ซือซือยืดชูคอขึ้นพร้อมหน้าแดงเรื่อ

ให้ตายก็ไม่มีทางยอมรับความสัมพันธ์กับถังฉีตงสินะ

เป้ยฉ่ายเวยเม้มปากกลั้นหัวเราะ อารมณ์เธอดีขึ้นไม่น้อย

อวี๋ซือซืออยู่ต่ออีกไม่นาน หลังจากที่เธอไปแล้ว เป้ยฉ่ายเวยก็กะว่าจะเอนกายพักผ่อนเสียหน่อย ไม่รู้ว่าฉูเจ๋อหยางอยู่ดีๆโผล่มาจากไหน

ตอนนี้เธออยู่ในห้องที่เธอพักอยู่ในคฤหาสน์ก่อนหน้านี้ ฉูเจ๋อหยางน่าจะบอกให้คนมาทำความสะอาดห้องเอาไว้ให้ ทุกอย่างในห้องวางไว้อยู่ตามเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง

“มีอะไรรึเปล่า ฉันอยากจะพักซะหน่อย” เป้ยฉ่ายเวยกระพริบตา มือก็ถือชุดเสื้อผ้าตัวเอาไว้เตรียมจะอาบน้ำแต่งตัว

สายตาฉูเจ๋อหยางไม่เคลื่อนไหว เขามองอยู่ครู่หนึ่ง สายตาเขาหยุดอยู่ที่บราสีชมพูที่โผล่ขึ้นมาอยู่สักพัก

จากนั้นก็เงยหน้ามองตรงไปยังใบหน้าเธอ “อยากได้สิทธิ์การเลี้ยงดูรุ่ยรุ่ยรึ”

เป้ยฉ่ายเวยนิ่งไป ใบหน้าฉายแววประหลาดใจ “คุณจะยอมให้หรือไง”

“ไม่ยอม”

แค่สองคำดับความสุขที่วาบขึ้นในใจเธอโดยสิ้นเชิง

สายตาเป้ยฉ่ายเวยล่องลอย น้ำเสียงนอยๆโดยไม่รู้ตัว “แหย่ฉันแล้วมีความสุขนักใช่มั๊ย” “ก็สนุกดีนะ” ฉูเจ๋อหยางคิดเช่นนั้นจริงๆอยู่สองสามวินาที ก่อนจะพยักหน้าและพูดออกไป เป้ยฉ่ายเวย “...” ไอ้หมอนี่ท่าจะป่วย! “ถ้าไม่มีอะไรฉันจะไปพักผ่อนแล้ว รบกวนคุณฉูช่วยออกไปก่อนค่ะ” น้ำเสียงเป้ยฉ่ายเวยเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง นัยน์ตาชายหนุ่มสั่นไหวเบาๆ เขาก้าวไปขึ้นหน้าไปก่อนจะดึงเอาเสื้อผ้าในมือเธอโยนทิ้งลงบนเตียง สีสันสดใสกระจายอยู่บนผ้าปูเตียงสีขาวสะอาด เกิดเป็นความงามอันยุ่งเหยิง ทั้งสองมือดึงตัวคนเขามาหาตนเล็กน้อย ล็อคเธอไว้อยู่บนเตียง เขาโค้งตัวลงจ้องเป้ยฉ่ายเวย “แต่งงานกับผม คุณจะได้เห็นหน้ารุ่ยรุ่ยทุกวัน และไม่ต้องยุ่งวุ่นวายใจกับคนอื่นอีกเลย” สายตาของฉูเจ๋อหยางจริงจังมาก ราวกับว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักอันลึกซึ้ง ทำเอาหัวใจเธอว้าวุ่นเตลิดไปกันหมดแล้ว แต่ดูเหมือนว่าการรอคอยนั้นช่างแสนยาวนาน สมองตอนนี้เริ่มคิดคำนวณหาเหตุผล ไม่ถึงสองวินาที เธอก็หลุดจากภวังค์และเริ่มตั้งสติพูดถึงภาษารักของเขา เธอยื่นมือไปแตะหน้าผากเขา เป้ยฉ่ายเวยประหลาดใจมาก “ไข้ขึ้นเรอะ! ทำไมพูดจากแปลกๆ”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์