บทที่470 บราสีชมพู
ฉูเจ๋อหยางหน้าดำทะมึน ริมฝีปากบางเหยียดตรงด้วยความโมโห “เป้ยฉ่ายเวย ช่วยเคารพความจริงใจของผมด้วย”
เป้ยฉ่ายเวยถูหน้า รีบสลัดความแปลกใจเมื่อครู่นี้ออกไปจากหัว สายตาจ้องเขาอย่างจริงจัง “อย่างนั้นก็ดี ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยกันด้วยเหตุผลซะหน่อย”
“คืออะไร” เขาขมวดคิ้วเบาๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสงสัยในไอคิวของตัวเอง ทำไมถึงได้ตามเธอไม่ทัน
ไม่สิ เธอต้องคิดอะไรล้ำเส้นไปมากแน่ๆ
เป้ยฉ่ายเวยเม้มปาก สายตาสั่นไหว ตัวสั่นนิดๆ “ทำไมอยู่ๆถึงคิดจะแต่งงานกับฉัน”
“ฉูเจ๋อหยาง คุณลืมหนานฉิงของคุณไปแล้วหรือยังไง ลืมรักครั้งแรกของคุณได้แล้วหรือยังไง ให้ฉันเข้าใจแบบนี้ได้ใช่ไหม ว่าคุณเห็นรุ่ยรุ่ยสำคัญกว่าหล่อน เพราะอย่างนั้นคุณก็เลยคิดจะแต่งงานกับฉัน”
เธอไม่ได้ปิดกั้นความคิดที่ว่าทั้งสองจะสามารถลงเอยกันด้วยดี แต่ว่าก็ต่อเมื่อหนานฉิงจะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว
ถ้าหากว่าคราวหน้าคราวหลังเธอหวนกลับมาอีก ถ้าหากว่าถึงตอนนั้นเขากล้าออกปากปฏิเสธเป็นมั่นเป็นเหมาะ ถ้าหากว่าเขาจะไม่กลับไปสุงสิงด้วยอีก ถ้าอย่างนั้นเธอก็พอจะมีความหวัง
น่าเสียดาย ที่เธอเคยฝากความหวังเอาไว้หมดทั้งใจแล้ว แต่สุดท้ายมันก็ถูกพังทลายลงหมดสิ้นด้วยทัศนคติอันเย็นชาของเขา
ฉูเจ๋อหยางเลิกคิ้ว มีประกายแห่งความสุขปรากฏขึ้นในดวงตา
เธอยังมีความรู้สึกต่อเขาอยู่
“เป้ยฉ่ายเวย ผมจำได้ว่าตอนที่อยู่มหาลัยคุณก็ฮ๊อตอยู่ไม่เบานะ” อยู่ๆเธอก็ได้ยินเขาพูดประโยคอันน่าขบขันขัดๆหูขึ้นมา
เป้ยฉ่ายเวยเงยหน้ามอง เธอสับสน มันมีอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไง
ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นว่าเธอทำหน้างงๆเหมือนจะไม่เข้าใจ เขาจึงพูดขึ้น “ทำไมคุณต้องคอยดูถูกตัวเองอยู่นั่น เพราะว่าผมชอบคุณ หลงรักคุณ เพราะอย่างนี้ผมถึงอยากแต่งงานกับคุณ”
“คุณ...เป็นไปได้ยังไง…” เป้ยฉ่ายเวยตกตะลึงจนพึมพำกับตัวเอง
ชายคนนั้นเอนตัวลง ทั้งสองประกบชิดติดกัน ประทับริมฝีปากของเธอ เขาเห็นสายตาเธอยังคงอึ้งงันไม่ได้สติ เขาอดไม่ได้ที่จะกอดจูบลูบไล้
สายตาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสับสน ความเร่าร้อนบนร่างกายดูเหมือนจะค่อยๆหลอมรวมเป็นหนึ่ง ฉูเจ๋อหยางแอบถอดถอนใจ เขาไม่ได้สัมผัสเธอมาเป็นเวลานานเท่าไหร่แล้ว
แต่ว่า…
ความเร่าร้อนภายในก็ต้องถูกระงับเอาไว้ ก่อนที่เธอจะปฏิเสธ เขาก็ค่อยๆห่างออกทีละน้อย แต่กลับปีนขึ้นไปที่ข้างหูเธอ ก่อนจะกระซิบเสียงเซ็กซี่ “เป้ยฉ่ายเวย คุณไม่รู้ตัวหรอกว่าคุณน่ะมีของดีขนาดไหน”
จากนั้น เขาก็ลุกยืดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และพูดกับผู้หญิงที่ยังคงสับสนงุนงงอยู่ว่า “ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับคุณแล้ว นี่เป็นโอกาสเดียวที่คุณจะได้อยู่ใกล้ชิดกับรุ่ยรุ่ย ถ้าหากว่ายังคิดไม่ได้อีกล่ะก็ คืนนี้จะมาหาผมที่ห้อง ผมก็ยินดีต้อนรับนะ!”
เป้ยฉ่ายเวยตะลึงงัน ฉูเจ๋อหยางเดินไปตั้งแต่เมื่อไหร่เธอก็ไม่รู้ตัว
หน้าเธอแดงเข้ม อยู่สองนานก็ยังไม่จางหายไป
ฉูเจ๋อหยางนี่มันหมายความว่ายังไง
ขอแต่งงานเพราะว่าชอบเธออย่างนั้นรึ
แต่ว่า…
ประโยคสุดท้ายนั่นหมายความว่ายังไง
เธอมีของดีอย่างนั้นรึ
เป้ยฉ่ายเวยทรุดฮวบลงกับเตียง กอดหมอนและกัดมุมปลอกหมอนเอาไว้
ดวงตาเป็นประกาย สายตาไปหยุดอยู่ที่บราสีชมพูด้านบน จากนั้นหน้าเธอก็ดำทะมึนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ไอ้ลามกเอ้ย นึกว่าเธอมีของดีตรงไหน เขาหมายถึงไอ้นี่เองล่ะสิ!
ผู้ชายก็คิดแต่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ คิดแต่เรื่องอย่างว่า!
บ้าจริง!
ไม่สามารถปฏิเสธว่า การแสดงออกของฉูเจ๋อหยางนั้น ทำเอาเป้ยฉ่ายเวยใจกระสับกระส่าย นอนไม่หลับอยู่ทั้งคืน ตอนเย็นก็ไม่ได้ออกมาทานข้าว
ทางหนึ่งก็คิดไม่ตก อีกทางก็ไม่กล้าที่จะยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้
ถึงแม้จะตัดสินใจเป็นมั่นเหมาะแล้วว่าจะไม่อยู่กับหลี่จื่อเชียน แต่ว่าเธอก็ยังรู้สึกผิดต่อเขาอยู่บ้าง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หนานฉิงนั้นยังอยู่
ต่อให้ฉูเจ๋อหยางทิ้งหล่อนจริงๆ หรือเขาคิดที่จะแอบไปกิ๊กกันข้างนอก
แต่ว่าถ้าหากลูกสาวของรองผู้อำนวยการแอบไปเป็นบ้านเล็กบ้านน้อยล่ะก็ ไม่ว่าหล่อนจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม รองผู้อำนวยการเองก็คงจะได้มาฆ่าคนเองถึงประตูบ้านล่ะมั๊ง
เธอส่ายหัว ช่างเถอะ ไม่คิดแล้ว!
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉูเจ๋อหยางมีคดีต้องไปขึ้นศาล ก่อนจะออกไปเขาก็บอกไม่ให้เป้ยฉ่ายเวย คุณนายฉู รวมทั้งคนอื่นๆออกจากคฤหาสน์
คุณนายฉูไม่ใช่คนชอบออกข้างนอกเท่าไหร่อยู่แล้ว เป้ยฉ่ายเวยเองก็อยากจะอยู่กับรุ่ยรุ่ยทั้งวัน ก็ปฏิบัติตามได้โดยดี
แต่ว่าฉูเจ๋อหยางก็ยังไม่วางใจ ก่อนเขาจะออกไปก็หาเจี่ยงเสี่ยวเล่อผู้ดูแลเรื่องความปลอดภัยกำชับแล้วกำชับอีก “ดูแลความปลอดภัยในคฤหาสน์ให้ดี ถ้าเกิดเรื่องอะไรล่ะก็คุณเก็บของออกไปจากที่นี่ได้เลย”
“วางใจน่าอาเจ๋อ ผมรับรองว่าจะดูแลพี่สะใภ้ คุณป้า และหลานชายให้ดี วันนี้ในคฤหาสน์นี้ แมลงวันสักตัวเดียวก็บินเข้าไปไม่ได้” ตาเจี่ยงรองตบหน้าอกตัวเองเป็นการรับปาก
ฉูเจ๋อหยางหัวเราะเบาๆ ไม่ว่าอะไร
หลินไห่ซึ่งอยู่ด้านข้างฉูเจ๋อหยางก็พลอยยิ้มแหยๆไปด้วย “คุณเจี่ยง คฤหาสน์ใหญ่ออกขนาดนี้ แมลงวันสักตัวจะไม่ให้บินเข้าไปได้เลยหรอ สู้ๆนะครับ!”
เจี่ยงเสี่ยวเล่อ “...”
เรื่องนี้มันไม่เห็นตลกตรงไหน
วันนี้ขึ้นศาลคดีของบริษัทในเครือตระกูลเสิ่น ฉูเจ๋อหยางในฐานะทนายแก้ต่าง ที่จริงแล้วคู่ความก็มีความไม่มั่นใจในคดีนี้อยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้ยิ่งไม่มั่นใจเข้าไปใหญ่
ยังไม่ถึงเวลาขึ้นศาล เสิ่นลั่งนั่งอยู่ในห้องสำนักงาน จางซานยิ้มประจบสอพลอต่อหน้าเขา “เจ้านาย ฉูเจ๋อหยางมาถึงศาลแล้ว อีกอย่าง อีกครึ่งชั่วโมงสินค้าของว่านต้าเผิงก็จะมาถึงแล้ว คนของเราก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว สลับสับเปลี่ยนสถานที่ไปสามรอบแล้ว ไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน”
เสิ่นลั่งเอนกายไปยังเก้าอี้พิง เขาลดเปลือกตาลงครึ่งหนึ่ง ตอบรับเสียงเบาๆ ไม่รู้ว่าพอใจหรือไม่พอใจกันแน่
จางซานเห็นเช่นนั้น เขาก็ค่อยๆถอยออกมา
เสิ่นลั่งปิดตาลงครู่หนึ่ง หลังจากที่กดหมายเลยโทรศัพท์
ตอนนี้ลิ่วเอ่อร์กำลังจะออกไปเดินช้อปปิ้งเป็นเพื่อนหนานฉิง
หลังจากที่หนานฉิงพบว่า ถึงลิ่วเอ่อร์จะหน้าตาน่าเกลียดอัปลักษณ์แต่ว่าเขาก็พูดจาเป็น ทุกครั้งที่เธอถูกฉูเจ๋อหยางและคุณนายฉูเท เธอก็มักจะถือการ์ดออกไปช้อปปิ้ง หรือไม่ก็ให้ลิ่วเอ่อร์พาเธอไปยังสถานที่สนุกๆ วันนี้ถูกตัดสายจากฉูเจ๋อหยาง ใจเธอก็อยู่ไม่เป็นสุขหรอก “ทำไมไม่ไปล่ะ รถก็รออยู่นี่” หนานฉิงขมวดคิ้ว บ่นด้วยความหงุดหงิด ลิ่วเอ่อร์ส่งสายตาขอโทษให้เธอ “แม่เฒ่าที่บ้านผมโทรมาน่ะครับ ข้างนอกแดดร้อน คุณหนูหนานขึ้นรถก่อนเถอะครับ อีกสองนาทีผมจะรีบตามไป” หนานฉิงคำรามเสียง “ลิ่วจื่อคุณนี่ยิ่งเอาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ เป็นบอดี้การ์ดแล้วกล้าให้ฉันรออย่างนั้นรึ!” “ต้องขอบคุณความรักและเอ็นดูที่คุณหนูหนานมอบให้แก่ผม ผมถึงได้มีความกล้าเช่นนี้!” ลิ่วเอ่อร์ก็โมโห แต่เขาก็ยิ้มกับหนานฉิง ทั้งสองคนปะทะสายตากัน หนานฉิงจ้องมองสายตาคู่นั้น ไม่ได้โสภาอะไร แต่เสียงเธอก็อ่อนลงโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะย้ำครั้งสุดท้าย “เอาล่ะเอาล่ะ รีบหน่อยก็แล้วกัน” ลิ่วเอ่อร์พยักหน้า เขาเดินเข้ามุมไป พูดพลางขมวดคิ้ว “คุณเสิ่น ช่างน่าแปลกใจ!” “เรื่องที่ผมบอกคราวก่อนคุณคิดดีแล้วรึยัง วันนี้หนานเทียนหยางและลูกน้องคนสนิทหลายคนไม่อยู่บ้าน เหาเสว่ฉินก็มีคนนัดออกไปข้างนอก อย่าบอกนะว่าผมไม่ได้ช่วยสร้างโอกาสเปิดทางให้กับคุณ เวลาของคุณมีไม่มากแล้ว!” ลิ่วเอ่อร์ตากระตุกวันนี้หนานเทียนหยางออกไปแต่เช้าตรู่อย่างลึกลับ ยังพาผู้คุ้มกันออกไปอีกหลายคน มากกว่าการเดินทางปกติถึงสองเท่า เขาเองก็รู้สึกแต่แรกแล้วว่ามันแปลกๆ ลิ่วเออร์รับคำ “ผมทราบแล้ว!”
copy right hot novel pub